สธ.แถลงพบนักท่องเที่ยวจีนติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารายแรกในไทย

13 ม.ค. 2563 | 05:45 น.

กระทรวงสาธารณสุขย้ำ ขณะนี้ยังไม่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประเทศไทยมีศักยภาพทั้งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค คัดกรองและคัดแยกผู้ป่วยได้เร็ว รับการตรวจรักษาเร็ว เผยพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น 1 ราย เป็นรายแรกที่ตรวจพบนอกประเทศจีน ขณะนี้หายดีไม่มีไข้ และพร้อมเดินทางกลับประเทศ  

 

สธ.แถลงพบนักท่องเที่ยวจีนติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารายแรกในไทย

วันนี้ (13 มกราคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  และดร.แดเนียล  เคอร์เทซ  ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย แถลงข่าวมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

         

นายอนุทินกล่าวว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2563 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่ รวมทั้งมีการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชน พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนทั้งหมด 12 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล รักษาหายให้กลับบ้านแล้ว 8 ราย มีผู้ป่วยหนึ่งรายที่มีไข้สูงตรวจพบจากการคัดกรองด้วยเครื่องเทอร์โมสแกนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้ารับการรักษาในห้องแยกโรคความดันลบ สถาบันบำราศนราดูรเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 โดยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นรายแรกของประเทศไทยและเป็นรายแรกที่ตรวจพบนอกประเทศจีน ขณะนี้ได้รับการรักษาหายแล้ว และพร้อมจะเดินทางกลับประเทศ โดยขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มในประเทศไทย และมีการเฝ้าระวังบุคลากรการแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาทุกคน พบว่าไม่มีผู้ใดติดเชื้อนี้      

 

“ได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว ท่านได้มอบนโยบายว่าขอให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนข้อมูลและให้กำลังใจชาวสาธารณสุขที่ดูแลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก การพบผู้ป่วยถือว่าเป็นประสิทธิภาพของระบบการเฝ้าระวังโรคของเรา มั่นใจว่าเราจะควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี” นายอนุทินกล่าว

         

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพและความพร้อมด้านสาธารณสุข มีมาตรฐานการตรวจวินิจฉัยและระบบการรักษาพยาบาลในระดับสากล มีการประสานงานใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก หน่วยงานด้านโรคติดเชื้อระดับสากล ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานภายในท่าอากาศยาน ร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ด้วยการคัดกรองผู้โดยสารเครื่องบินในเส้นทางที่บินตรงมาจากเมืองอู่ฮั่นสู่ท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 4 แห่ง เฝ้าระวังในโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งชุมชนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ประชาชนยังคงเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตามปกติ หากเดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาดเมืองอู่ฮั่นภายใน 14 วัน และมีอาการไข้ เจ็บคอ น้ำมูกไอ เสมหะ หรือหายใจเหนื่อยหอบ ขอให้รีบพบแพทย์ หรือแจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุข สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคปอดอักเสบรุนแรงจากไวรัส กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า โรคปอดอักเสบ (pneumonia) ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ พบได้ทั้งการติดเชื้อ ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอด และเนื้อเยื่อโดยรอบ อาการสำคัญ ได้แก่ มีไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ

          

สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.62-11 ม.ค.63 ทางการจีนรายงานผู้ป่วยทั้งสิ้น 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย มีอาการป่วยรุนแรงรักษาในโรงพยาบาลอีกหลายราย และมีผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ต้องติดตาม 739 ราย ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการติดต่อจากคนสู่คน และไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ป่วย

         

 จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นในประเทศจีน พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำงานในตลาดหรือมีประวัติเดินทางไปที่ตลาด South China Seafood Market ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นตลาดที่มีการค้าสัตว์หลายชนิด เช่น นก ไก่ฟ้า งู เครื่องในกระต่าย และสัตว์ป่าอื่นๆ ขณะนี้ตลาดดังกล่าวได้มีการจัดการด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และถูกปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63

          

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้มีมาตรการเฝ้าระวังคัดกรอง และป้องกันควบคุมโรค ปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ดังนี้ 1.ทำการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศใน 4 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต  2.ขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลทำการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น และ 3.การเฝ้าระวังในชุมชน โดยให้ความรู้ประชาชน เมื่อพบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค DDC Hotline 1422

          

ความเสี่ยงสำหรับประเทศไทย การเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมายังประเทศไทย มีสายการบินตรงมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ถึงกรุงเทพมหานคร และมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละ 1,200 คน

คนไทยเดินทางไปประเทศจีนประมาณปีละ 7 แสนคน และอยู่อาศัยในประเทศจีนประมาณ 12,000 คน โดยเป็นนักเรียนนักศึกษาประมาณ 2 ใน 3 ซึ่งเมืองอู่ฮั่นมีนักศึกษาไทยไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนคนจีนเดินทางมาประเทศไทยปีละประมาณ 10 ล้านคน จากประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน

         

 วิธีป้องกันตนเองของนักเดินทาง เนื่องจากองค์การอนามัยโลกไม่มีประกาศจำกัดการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

          

-ระหว่างเดินทางในต่างประเทศ ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอ จาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน

          

-หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี

          

-หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น

          

-ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ

          

-รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

          

-หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้