มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

01 ธ.ค. 2562 | 05:18 น.

“จุรินทร์”ลั่น จ่ายส่วนต่างสำปะหลัง 1 ธ.ค.62 โลละ 2.50  รายละไม่เกิน 30 ไร่ ชาวบ้านเฮได้สูงสุด  23,000 บาทต่อราย ดึง 4 สมาคมใหญ่ค้ามันฯ เซ็นเอ็มโอยูไม่ขายตัดราคาส่งออก ป้องราคาในประเทศวูบ


ผู้สื่อข่าวรายงาน(วันที่ 1 ธ.ค.2562)ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปเป็นประธานการคิกออฟโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/2563 ครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่  

นายจุรินทร์ กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ก็ได้เร่งดำเนินนโยบายประกันรายได้เกษตรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ 5 ตัว ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ซึ่งในส่วนของข้าวโพดตนได้เป็นประธานในการหารือ 3 ฝ่ายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้เคาะราคาประกันแล้ว ณ ราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ณ ความชื้น 14.5% และจะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี( ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบและเริ่มโอนเงินได้ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2562/2563 ที่มีการโอนเงินส่วนต่างครั้งแรกในวันนี้(1 ธ.ค.62) เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังตามนโยบายรัฐบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในกรณีราคามันสำปะหลังตกต่ำ และเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร หากไม่มีโครงการประกันรายได้ เกษตรกรจะมีรายได้เพียงช่องทางเดียว แต่หากมีโครงการประกันรายได้ เกษตรกรจะมีรายได้อีกช่องทางหนึ่งจากเงินส่วนต่างระหว่างราคาที่ประกันกับราคาตลาดอ้างอิง 
มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

       

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังนี้ จะประกันรายได้หัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ ณ หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง กก.ละ 2.27 บาท โดยมีส่วนต่างราคาที่จะต้องชดเชยให้เกษตรกร กก.ละ 0.23 บาท ซึ่งเกษตรกรจะสามารถได้รับเงินส่วนต่างชดเชยมากที่สุด 23,000 บาท ต่อครัวเรือน ทั้งนี้มีเกษตรกรที่คาดว่าจะได้รับสิทธิในครั้งนี้ประมาณ 40,000 กว่าครัวเรือน 

เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับเงินส่วนต่างต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกมันสำปะหลังและแจ้งปริมาณผลผลิตและระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา และต้องปลูกมันสำปะหลังจริง โดยคาดว่ามีทั้งหมด 470,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ เกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิก็สามารถได้รับเงินส่วนต่างได้ หากขึ้นทะเบียนและปลูกจริง ดังนั้น ขอให้เกษตรกรแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกจริง ก็จะสามารถได้รับเงินส่วนต่างได้แน่นอน

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า นอกจากมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแล้ว รัฐบาลยังดำเนินมาตรการคู่ขนานอื่นๆเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังแบบยั่งยืน โดยรัฐบาลจะพยายามเพิ่มการใช้มันสำปะหลังในประเทศ เช่นการส่งเสริมให้นำมันไปทำพลาสติกชีวภาพเหมือนในอินเดีย ที่มีนโยบายส่งเสริมพลาสติกชีวภาพ และห้ามใช้ถุงพลาสติก และหลอดดูดพลาสติก ซึ่งอินเดียผลิตไม่ทันกับความต้องการใช้ในประเทศ จึงเป็นโอกาสของไทย จึงขอให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ และรัฐบาลเองก็มีนโยบายในการส่งเสริมพลาสติกชีวภาพในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้ในประเทศได้อย่างแน่นอน 


มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

มันสำปะหลังเฮ เตรียมรับทรัพย์ 2.3 หมื่น

 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากการเริ่มโอนเงินส่วนต่างมันสำปะหลังเป็นครั้งแรกแล้ว วันนี้ยังมีกิจกรรมการลงนาม MOU ระหว่างสมาคมภาคเอกชน 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันลำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อร่วมมือกันไม่ให้เกิดการตัดราคาสำหรับการส่งออกมันไปยังต่างประเทศ เพื่อไม่ให้ราคามันตกต่ำ และส่งผลมายังเกษตรกร และจะร่วมกันทำราคาส่งออกแนะนำ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายหัวมันได้ที่ราคาที่ดีขึ้น โดยหลังจากนี้ จะมีการประชุมทั้ง 4 สมาคม และกรมการค้าต่างประเทศทุกเดือนเพื่อผลักดันและติดตามโครงการนี้ 

สำหรับข้าว กระทรวงพาณิชย์จะนำมาตรการเสริมเพื่อไม่ให้ข้าวราคาตกต่ำ ได้แก่มาตรการลดต้นทุนการผลิต ช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ และมาตรการชะลอการขายข้าว เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม นบข และรัฐบาลจะจ่ายเงินส่วนต่างการประกันรายได้ชาวนาเร็วขึ้น จากวันที่ 15 ธันวาคม เป็นวันที่ 7 ธันวาคมนี้