ส่องสัญญาณบวกเศรษฐกิจ ฟันธง GDPปีหน้า 3.1% 

01 ธ.ค. 2562 | 04:31 น.

เอกชนพร้อมใจมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ต่อเนื่องปีหน้ายังไม่มีมีสัญญานฟื้นตัว จะกลับมาฟื้นตัวในกลางไตรมาส2 คาดจีดีพี ปีหน้าขยายตัว 3.1 %

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562-2563 ว่า ในช่วง10เดือนของปีนี้และทั้งปีนี้ยังคงไร้สัญญาณฟื้นตัวในทุกภาคส่วนทั้งจีดีพี การบริโภคของภาคเอกชน การลงทุน ยังคงขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย  ส่วนการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการหดตัวตามภาคการส่งออก แต่ทั้งนี้ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังของไทยเพราะนักท่องเที่ยวจีน และรัสเซียเริ่มกลับเข้ามาไทยมากขึ้น แต่ทั้งนี้อุปสรรคต่อการจับจ่ายของนักทิ่องเที่ยวคือค่าบาทที่แข็งค่า ซึ่งทิศทางค่าบาทยังคงไม่มีสัญญาณที่อ่อนค่าลง และมีโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่าไปถึง 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มองว่าในช่วงที่เหลือของปียังมีปัจจัยบวกบ้าง เช่น เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ภาครัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นและภาครัฐได้มีการพยายามเร่งรัดการเบิกจ่าย รวมถึงสัญญาณการลุงทุนของภาคเอกชนเริ่มดีขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี เป็นต้น ส่วนปัจจัยลบ เช่น สงครามการค้าที่ยังไม่มีข้อยุติ และคาดว่าน่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เศรษฐกิจของจีนมีการชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ ค่าบาทของไทยยังแข็งค่ากว่าสกุลเงินหลัก ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น  

ส่องสัญญาณบวกเศรษฐกิจ ฟันธง GDPปีหน้า 3.1% 

ทั้งนี้ได้มีการประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ของไทยขยายตัว 2.6 %  การส่งออก ขยายตัวติดลบ 2.1% เงินเฟ้อขยายตัว 0.8%  ภายใต้สมมุติฐาน สหรัฐฯและจีนไม่ปรับเพิ่มภาษีไปมากกว่าระดับปัจจุบัน และค่าเงินบาทอยู่ในกรอบ 30-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากมองในกรณีที่เลวร้ายสุด ในปีนี้ จีดีพีขยายตัว 2.5% ส่งออกขยายตัวลบ 2.5% เงินเฟ้อขยายตัว0.7% ภายใต้สมมุติฐานสงครามการค้าเข้มข้นเพิ่มและเงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ 

ในขณะที่การประมาณการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ซึ่งคาดการณ์จีดีพี อยู่ที่ 3.1% ส่งออกขยายตัวทั้งปีที่ 1.8% และเงินเฟ้อขยายตัว 1% ภายใต้สมมุติฐานจีนและสหรัฐฯไม่ปรับภาษีสินค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น และเสถียรภาพทางการเมือง เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปัญหาภัยแล้งใกล้เคียงกับปี 2562 แต่หากกรณีเศรษฐกิจเลวร้าย จีดีพีขยายตัวที่ 2.6%  การส่งออกไทยขยายตัวที่ 0.1% และเงินเฟ้อขยายตัว1% ภายใต้สมมุติฐาน การเมืองขาดเสถียรภาพ เงินบาทหลุดกรอบ30บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และภัยแล้งรุนแรงกว่าปี 2562 

นายวิโรจน์ จิรัฐติกาลโชติ  ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศราฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า เศรษฐกิจโดยรวมของภาคเหนือยังคงชะลอตัว แต่ในภาคการท่องเที่ยวมีอัตราที่โตขึ้น โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านคน จากนักท่องเที่ยว 38 ล้านคนทั่วประเทศ โดยเป็นนักท่องเที่ยวไทย 1.8 ล้านคน นำรายได้เข้าภาคเหนือ 8,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.7แสนคน นำรายได้เข้าภาคเหนือ 4,200 ล้านบาท  โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวและมาแบบอิสระมากกว่าเป็นกรุ๊ปทัวร์  ดังนั้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยว

ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง กล่าวทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจในภาคกลางขยายตัวชะลอตัวทั้งภาคค้าปลีกและค้าส่งและราคาสินค้าเกษตรที่ดิ่งลงแทบทุกชนิด ทั้งข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพด เป็นต้น ส่วนภาคการท่องเที่ยวในช่วง 9 เดือน ชะลอตัวเช่นกัน ทั้งนี้แนวทางการแก้ไข เช่น การสร้างแพลตฟอร์ม อีคอมเมิอร์ส การส่งเสริมผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์ และภาครัฐควรมีมาตรการจัดเก็บภาษีผู้ค้าออน์ไลน์อย่างเข้มข้น เป็นต้น

เช่นเดียวกับนายปรัชญา สมะลาภา  รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันจากค่าเงินบาทและเศรษกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้การใมช้จ่ายในภาคตะวันออกชะลอตัว 

นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าในปีหน้าภาคอีสานจะเร่งสร้างความเข้มแข็ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นตัวหลักในการผลักดันให้เศรษฐกิจในภาคอีสานขยายตัว

ส่องสัญญาณบวกเศรษฐกิจ ฟันธง GDPปีหน้า 3.1% 

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้กล่าวว่าภาคใต้ ยังมีปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยขณะนีราคายางอยู่ที่กิโลกรัมละ 41 บาท ส่วนปาล์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 2 บาท  50 สตางค์ ส่วนภาคเหนือ แม้การท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่กำลังซื้อไม่ได้เพิ่มมากเพราะสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้จากการประชุมกับหอการค้า 5 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)พบว่า เศรษฐกิจทุกภาคยังคงชะลอตัว ซึ่งได้มีการเสนอให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เพื่อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% โดยข้อเสนอที่หอ 5 ภาคเสนอ เช่น การผลักดันให้ราคาพืชผลทางการเกษตรโดยที่ภาครัฐรับซื้อเพื่อไปแปรรูเพื่อเพิ่มมูลค่า ส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐไปจัดสัมนาในเมืองรองและแหล่งท่องเที่ยวชุมชุน  ผลักดันให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง เป็นต้น