ปลัดสธ.กำชับคุมเข้มห้ามมีเหตุวิวาทในรพ.ใกล้ที่จัดงานลอยกระทง

10 พ.ย. 2562 | 11:03 น.

 

ปลัดสธ. กำชับโรงพยาบาลใกล้สถานที่จัดงานลอยกระทงเฝ้าระวังเหตุ  หากมีผู้บาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาทประสานตำรวจคุมเข้มทันที  ไม่ต้องรอให้เกิดเรื่อง และดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่ทะเลาะวิวาทขั้นเด็ดขาด

นายแพทย์สุขุม  กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า วันลอยกระทง วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562นี้  หลายพื้นที่จัดงานตามประเพณี และการที่มีผู้คนมาอยู่รวมกันจำนวนมากอาจเกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทตามมาได้  จึงกำชับให้โรงพยาบาลในสังกัดที่อยู่ใกล้สถานที่จัดงานลอยกระทง  เตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุ/เจ็บป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล  โดยให้ประสานหน่วยงานในพื้นที่ อาทิ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมรักษาความปลอดภัย หากมีผู้บาดเจ็บจากเหตุทะเลาะวิวาทเข้ามารักษา  ให้กันญาติออกจากห้องฉุกเฉิน หรือหากมีประตูนิรภัยให้ปิดล็อคประตูทันที พร้อมประสานตำรวจคุมเข้มไม่ต้องรอให้เกิดเรื่อง

โดยโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง มีมาตรการความปลอดภัยในโรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณห้องฉุกเฉิน ดังนี้ 1.ทำแนวทางปฏิบัติป้องกันและจัดการความรุนแรง ทบทวน ฝึกซ้อมและปรับปรุงเป็นประจำ  2.จัดระบบควบคุมประตู หรือมีทางเข้า-ออก ที่ปลอดภัยหลายช่องทาง  3.จัดสถานที่พักคอยสำหรับญาติ จำกัดการเข้าออก 4.ตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้พร้อมใช้งาน และติดตั้งเพิ่มในจุดเสี่ยง  5.จัดระบบคัดกรองโดยเฉพาะผู้ป่วยห้องฉุกเฉิน และจัดบริการให้เหมาะสมกับความเร่งด่วน รวมทั้งให้สื่อสารกับญาติผู้ป่วยเป็นระยะ เพื่อลดความวิตกกังวล  6.จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง  7.จัดหาสัญญาณเตือนภัย หรืออุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน และมีช่องทางแจ้งเหตุด่วนกับตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเครือข่ายอาสาสมัคร มูลนิธิต่างๆในพื้นที่

ปลัดสธ.กำชับคุมเข้มห้ามมีเหตุวิวาทในรพ.ใกล้ที่จัดงานลอยกระทง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการป้องกัน แต่ยังพบการก่อความรุนแรงในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อลดความรุนแรง เพิ่มความปลอดภัยเจ้าหน้าที่และผู้ที่มารับบริการ หากเกิดกรณีความรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สินในโรงพยาบาล ให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทันที ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ลงโทษขั้นเด็ดขาดตาม ม.360 ม.364 และม.365  มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี

  “แม้เราจะมีมาตรการป้องกัน แต่คงป้องกันไม่ได้ทั้งหมด ต้องขอความร่วมมือประชาชนผู้มารับบริการ รวมทั้งญาติผู้ป่วย ร่วมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ขอให้โรงพยาบาลเป็นพื้นที่ปลอดความรุนแรงสำหรับทุกคน และที่สำคัญคือ จิตสำนึกความรับผิดชอบของผู้ที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุและขอความร่วมมือสื่อ  สื่อสังคมออนไลน์ให้เสนอผลลัพธ์การลงโทษ แทนการเสนอพฤติกรรมเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง” นายแพทย์สุขุมกล่าว