วันนี้ (18 ก.พ.) บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mercedes-Benz E-Class Facelift (W213) ปรับโฉมภายนอกทั้งหมด แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย
เครื่องยนต์ดีเซล
- Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport ราคา 3.54 ล้านบาท
ปลั๊ก-อินไฮบริด
- Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde ราคา 3.19 ล้านบาท
- Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic ราคา 3.77 ล้านบาท
รูปลักษณ์ภายนอกกับชุดแต่ง AMG Body styling เปลี่ยนกระจังหน้า-กันชน-ฝากระโปรงท้ายใหม่ และปรับรายละเอียดในโคมไฟ กับ MULTIBEAM LED และไฟท้ายแบบ Full-LED ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 19 นิ้วจาก AMG และหลังคาแก้ว Panoramic Sunroof
ภายในห้องโดยสาร AMG Interior package พวงมาลัยออกแบบใหม่แบบ 3 ก้านท้ายตัด ไฟ Premium Ambient light ปรับได้ 64 เฉดสี พร้อม Animation เปลี่ยนสีอัตโนมัติแบบเคลื่อนไหวให้เลือกได้ 10 แบบ ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ลำโพง 13 ตำแหน่ง
ความปลอดภัยที่โดดเด่น
- ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจรแบบ Blind Spot Assist
- ระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดประตูแบบ Exit Warning ร
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินแบบ Active Brake Assist
- ระบบช่วยเหลือก่อนเกิดอุบัติเหตุ PRE-SAFE
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC พร้อม Active Parking Assist
- กล้องแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา
ในรุ่น Mercedes-Benz E 300 e ปลั๊ก-อินไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,991 ซีซี ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ 5.7 วินาที ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งรถวิ่งด้วยโหมด EV โดยเครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลยได้ระยะทาง 50 กม.
รุ่น Mercedes-Benz E 220 d เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 1,950 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ 7.3 วินาที
สำหรับ Mercedes-Benz E-Class Facelift จะเป็นหนึ่งในรถยนต์ 15 รุ่น ที่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัวในปีนี้