Nissan Kicks ปรับโมเดลด่วน ยันราคาเดิม

นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ปิดยอดขาย 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2563) รวม 33,047 คัน ลดลง 33.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้หากไม่โดนผลกระทบจากโควิด-19 นิสสันมีแผนปรับธุรกิจตามนโยบายบริษัทแม่อยู่แล้ว เช่น การเลิกผลิตและทำตลาดรถยนต์ 3 รุ่น คือ ซิลฟี เทียน่า และเอ็กซ์เทรล (เข้าสู่ปลายอายุโมเดล และโมเดลใหม่ไม่ขายในไทย) โดยเป็นหนึ่งในแนวทางปรับพอร์ตโปรดักต์ใหม่ ลดจำนวนรถยนต์ที่ทำตลาด เน้นรุ่นที่แข่งขันได้ และรถยนต์บางรุ่นในอนาคตจะใช้พื้นฐานร่วมกับพันธมิตรอย่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส

นิสสัน ยํ้าเสมอว่า ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญแห่งหนึ่งของโลก และเป็นแห่งเดียวในอาเซียน ล่าสุดประกาศจ้างงานเพิ่ม 2,000 อัตรา ที่โรงงานผลิตรถยนต์ จ.สมุทรปราการ (บางนา ตราด กม.21-22) โดยประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย “ราเมช นาราสิมัน” เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกยังมีความต้องการ ทั้ง “นิสสัน คิกส์” ( Nissan Kicks ) และ ปิกอัพ “นาวารา” ขณะที่ อีโคคาร์ “อัลเมร่า” ได้การตอบรับในประเทศดีมาก (ยอดขายเฉลี่ย 1,500 คันต่อเดือน) ดังนั้น หลังยุติการผลิต ซิลฟี เทียน่า และเอ็กซ์เทรล จะนำความสามารถในการผลิตส่วนนี้ มาเพิ่มให้ Nissan Kicks e Power และอัลเมร่า เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออก

สำหรับ Nissan Kicks แบ่งเป็นสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออก 60% ไปญี่ปุ่น และอาเซียน ที่เหลือ 40% เป็นการขายในประเทศ

“โรงงานนิสสันในจังหวัดสมุทรปราการ ผลิตรถยนต์ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ล่าสุดนิสสัน ลงทุนมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทในการผลิตเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในโลก ต่อจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโรงงานนิสสันในประเทศไทยผลิต Nissan Kicks e Power สำหรับจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย” นายราเมช กล่าว

ทั้งนี้ ยอดขาย Nissan Kicks e Power หลังจากรถพร้อมและเริ่มส่งมอบในเดือนกรกฎาคม 2563 ทำได้ 221 คัน สิงหาคม 371 คัน กันยายน 287 คัน ถือว่าน้อยกว่าที่นิสสันตั้งความหวังเอาไว้พอสมควร

ส่วนหนึ่งเพราะผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจ และคู่แข่งอย่าง “โตโยต้า โคโรลล่า ครอส” ที่เปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงคัน (และเป็นเอสยูวีไฮบริดเหมือนกัน) ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ซึ่ง “โตโยต้า โคโรลล่า ครอส” เริ่มส่งมอบเดือนกรกฎาคม ขายได้ 1,258 คัน สิงหาคม 2,124 คัน และกันยายน 2,203 คัน

Nissan Kicks  เปิดราคาช่วงแนะนำ โดยรุ่นท็อป VL จริงๆต้องขายราคา 1.139 ล้านบาท แต่เปิดราคา 1.049 ล้านบาท (ไม่รวมโปรโมชันดอกเบี้ย ของแถม) และ V ราคาจริง 1.049 ล้านบาท แต่ขาย 9.99 ล้านบาท โดยนิสสันยืนยันว่า ยังไม่มีแผนปรับราคา และจะคงไว้อย่างน้อยถึง 31 ธันวาคมนี้

นอกจากนี้ นิสสันภายใต้ยุคประธาน “ราเมช นาราสิมัน” ยังรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างจริงจัง ว่าต้องการสิ่งใด หรือมีอะไรต้องปรับปรุง ซึ่ง “นิสสัน คิกส์” ได้การตอบรับดีเรื่องเทคโนโลยี และราคา แต่ถูกติติงเรื่องวัสดุที่ใช้ประกอบภายในห้องโดยสาร รวมถึงฟังก์ชันอำนวยความสะดวกน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงสีตัวถังที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่มีขายในไทย

ประเด็นนี้ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย รีบทบทวนทันที โดยมีแผนปรับปรุงวัสดุที่ใช้ประกอบภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะแผงประตูข้าง และเตรียมเพิ่มสี เหลือง หรือ สีนํ้าเงิน สำหรับตลาดเมืองไทย (ผลิตรถสีนี้เพื่อส่งออกอยู่แล้ว)

น่าสนใจว่า นโยบายด้านราคา และการปรับปรุงรายละเอียดของ Nissan Kicks จะช่วยส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นจาก 200-300 คันต่อเดือนในปัจจุบันได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน นิสสัน มีแผนเพิ่มขุมพลังอี-พาวเวอร์ ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ นอกเหนือไปจากนิสสัน คิกส์ ตามแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่อีโคคาร์ ตัวเก๋า “นิสสัน มาร์ช” ยังยืนยันผลิตและทำตลาดในไทยต่อไป ที่สำคัญยังส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ต่อเนื่อง

ในส่วนปิกอัพ “นาวารา” ที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญเพื่อส่งออกไปทั่วโลก ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ ครั้งแรกในโลกวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ โดยปรับปรุงหน้าตาให้รถดูดุดันตามสไตล์ปิกอัพฟูลไซส์ “ไตตั้น” ที่ขายในอเมริกา และเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่ 4 สูบ ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ 190 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,622 วันที่ 29 - 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563