ตลาดรถจักรยานยนต์ในไทยยังเนื้อหอม ล่าสุด บริษัท วรูม จำกัด ก็เปิดตัว 3 แบรนด์บิ๊กไบค์ได้แก่ BAJAJ,KTM,Husqvarna เข้ามาเจาะตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งหัวหอกในการทำตลาดคือแบรนด์ “BAJAJ”จากประเทศอินเดีย (นำชิ้นส่วนจากอินเดียมาประกอบที่โรงงานมาเลเซีย และรับสิทธิภาษีนำเข้า 0 % ) โดยการเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และนำเข้ามาขาย 4 รุ่น ได้แก่ BAJAJ Pulsar NS 160 ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 69,800 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ.ร.บ.)
BAJAJ Pulsar NS 200 FI ABS ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 79,800 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ.ร.บ.) , BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 89,800 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ.ร.บ.) และ BAJAJ Dominar 400
ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 115,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ.ร.บ.)
นาย ฮิเดกิ ยานากิซาว่า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วรูม จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทฯได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์แบรนด์ใหม่จากประเทศอินเดียซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือแบรนด์ BAJAJ และคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากกระแสของตลาดกลุ่มรถสปอร์ตยังเป็นที่ต้องการ จึงถือเป็นโอกาสที่บาจาจจะสร้างตลาดกลุ่มรถสปอร์ต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯยังมีอีก 2 แบรนด์ได้แก่ KTM & Husqvarna ก็เตรียมจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่พร้อมทั้งโปรโมชันและการสื่อสารการตลาดเพื่อเป็นอีกทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า
นายวรท กมลโชติรส รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วรูม จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เปิดตัวรถจักรยานยนต์สายพันธ์สปอร์ตรวมทั้งหมด 4 รุ่น และมีสโลแกนคือ "บาจาจ แรง แกร่ง เท่" ขณะที่กลยุทธ์การตลาด จะเน้นเชิงรุก ทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในด้านการขาย (Sales) การบริการหลังการขาย (Aftersales Service) และอะไหล่ (Spare Parts) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า
"เรามุ่งเน้น3 ส่วนด้วยคือ การสร้างแบรนด์ “บาจาจ” ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายผ่านการประชาสัมพันธ์ทั้งแบบออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้า ประการต่อมาคือสร้างยอดขายที่มากขึ้นให้กับผู้จำหน่ายด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง พร้อมทั้งกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการขายให้กับผู้จำหน่ายในทุกรูปแบบ และข้อสุดท้ายคือเพิ่มมาตรฐานการบริการหลังการขาย เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีเพิ่มมากขึ้น และสร้างความมั่นใจในด้านการบริการที่มีประสิทธิภาพให้กับลูกค้ารวมถึงแผนการขยายเครือข่ายโชว์รูมให้มีความทันสมัย และครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อสร้างความพอใจอย่างสูงสุดให้กับลูกค้า"
นอกจากนั้นแล้ว ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 บริษัทฯ ได้จัดทำโปรโมชันตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2563 รับฟรีของแถม 3 ชั้นมูลค่ารวม 7,350 บาท ได้แก่หมวกกันน็อครุ่นพิเศษ (ลิมิเต็ด อิดิชั่น มูลค่า 2,500 บาท ,Bluetooth อุปกรณ์ไร้สายติดหมวกกันน็อค มูลค่า 2,900 บาท และ Maintenance Kit เพื่อดูแลรักษาเครื่องยนต์จาก Motul มูลค่า 1,950 บาท
ส่วนความพร้อมด้านเครือข่ายการขายและบริการหลังการขาย ปัจจุบันครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯและใน 4 ภาคหลักของประเทศ ในภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ภาคอีสานได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี มุกดาหาร อุบลราชธานี มหาสารคาม บุรีรัมย์ ภาคกลางได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี ภาคใต้ได้แก่สงขลา โดยมีผู้จำหน่ายจากทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นจำนวน 19 แห่ง ขณะที่โชว์รูม บาจาจแฟลกชิพ ลาดพร้าว ใกล้จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเร็วๆนี้ ส่วนผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปชมรถบาจาจที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.นี้
นายวรท กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯแม่ของบาจาจที่อินเดีย ให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทย โดยได้ตั้งศูนย์ดีไซน์เซ็นเตอร์ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ทำให้ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ โดยศูนย์ฯแห่งนี้ จะทำหน้าที่ R & D และดูแลเรื่องวางแผนผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดประเทศไทย
"บาจาจจะใช้ไทยเป็นเฮดควอเตอร์ของตลาดในอาเซียน ส่วนโอกาสในการตั้งโรงงานผลิตในไทยหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูการตอบรับของลูกค้าก่อน โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายในปีแรก 3,000 คัน (บาจาจ 68 % และที่เหลือเป็น เคทีเอ็มและฮุสวานา )ส่วนปีที่ 2 ของการดำเนินงานคาดว่าจะมียอดขาย 6,000 คัน "