6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

02 ก.ค. 2563 | 08:21 น.

เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า EV Car  หรือ เทรนด์เกี่ยวกับอีโค-เฟรนด์ลี่ในทุกวันนี้ถือว่าได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในต่างประเทศรวมถึงประเทศไทย เฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าก็มียอดขายที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ - ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหลายเจ้าหลายแบรนด์ นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดกันมากขึ้น


อย่างไรก็ตามแม้ความนิยมหรือเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีคำถาม มีข้อสัยเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ เป็นรถที่ประหยัดพลังงานได้จริงหรือเปล่า ซึ่่งวันนี้จะนำบทความจาก ดร.สนันตน์เขม อิชโรจน์ ภาควิชาวิศวกรรมยานยนต์ (AUTO-TU) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา มาช่วยคลายข้อสงสัยดังกล่าว ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย 

 

1.เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยแท้จริง !
รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือ 1. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) 2. รถยนต์ไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ (E-POWER TECHNOLOGY) และ 3. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด HYBRID ELECTRIC VEHICLE (HEV) แต่ใน 3 ประเภทนี้มีแค่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) เท่านั้น ที่ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว 100% โดยไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ตอบโจทย์ในเรื่องการลดใช้น้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งหลักการทำงานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) ใช้เพียงแค่พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเท่านั้น เมื่อแบตเตอรี่หมดก็สามารถชาร์จไฟได้ ทำให้เป็นที่จับตามองของตลาดโลกเป็นอย่างมาก

6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

2.ประหยัดค่าเชื้อเพลิงรถได้มากกว่า 3 เท่า
แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในระยะยาว รถยนต์ไฟฟ้านับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะค่าซ่อมบำรุง และค่าพลังงานไฟฟ้านั้นมีราคาถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยน้ำมันนั้นมีราคาผันผวนตามตลาดโลก ส่วนค่าไฟฟ้านั้นค่อนข้างคงที่ โดยจะเสียค่าไฟครั้งละ 90-150 บาท/การชาร์จหนึ่งครั้ง หรือประมาณ 0.60 - 1 บาท/กิโลเมตร เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 บาท/กิโลเมตร ทำให้สามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงรถไปได้มากกว่า 2-3 เท่า


ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น รถยนต์ธรรมดาแบบใช้น้ำมันจะมีความเสื่อมของเครื่องยนต์มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบน้อยกว่า และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทำให้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ทั่วไป 


แต่สิ่งที่ต้องระวังคือความเสียหายที่ตัวแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่แพงที่สุดชิ้นหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้า ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 372,000 - 558,000 บาท/คัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานสูง จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยง่าย 
 

3.มีระบบตัดไฟเมื่อแบตเพียงพอ หมดกังวลหากชาร์จแบตทิ้งไว้ 
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าแบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญและมีราคาสูง ทำให้หลายคนมีความกังวลและส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ซึ่งแบตเตอรี่และมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้านั้น มีการออกแบบระบบให้ถูกใช้ซ้ำ ๆ แม้จะมีการชาร์จบ่อยครั้ง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ แถมยังมีระบบที่ช่วยตัดไฟเมื่อระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว 


แต่ทั้งนี้ แบตเตอรี่ก็สามารถเสื่อมสภาพตามการใช้งานได้ โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-8 ปี ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” และ “ระยะทาง” เป็นตัวกำหนด เช่น “Nissan LEAF” มีการรับประกันอายุของ แบตเตอรี่เอาไว้ที่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ส่วนด้าน “MG ZS EV” มีการรับประกันอายุของแบตเตอรี่เอาไว้ที่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร ซึ่งอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเทียบเท่ากับอายุการใช้งานของรถยนต์ทั่วไปเลยก็ว่าได้

 

4.เข้าถึงการชาร์จไฟหลากรูปแบบ 
ปัจจุบันการชาร์จไฟของรถยนต์มี 3 แบบ คือ Quick Charger การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) โดยใช้ตู้ EV Charger (สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า) จ่ายไฟเข้าที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง ใช้เวลาการชาร์จ 40-60 นาที ซึ่งเป็นวิธีการชาร์จไฟที่เร็วที่สุด ใช้ได้กับหัวชาร์จ CHAdeMo นิยมใช้ในแถบเอเชีย และหัวชาร์จ CCS นิยมใช้ในยุโรปและอเมริกา


Normal Charger แบบเครื่องชาร์จ Wall Box เป็นการชาร์จด้วยไฟกระแสไฟฟ้าสลับ (AC Charging) ส่วนใหญ่จะเห็นกันในรูปแบบของตู้ชาร์จติดผนังตามห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม ระยะเวลาในการชาร์จอาจมากถึง 4-9 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ และสเปครถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่น 


และ Normal Charger แบบต่อจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชาร์จไฟที่บ้าน เพราะใช้เวลาชาร์จนานที่สุดเฉลี่ยที่ 12-15 ชั่วโมง โดยมิเตอร์ไฟของบ้านต้องสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำ 15(45)A และเต้ารับไฟในบ้านต้องได้รับการติดตั้งใหม่ ให้เป็นเต้ารับเฉพาะสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 

6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ควรติดตั้งระบบตัดไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็มหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ปัจจุบันบริษัทเอกชนหลายแห่งมีการนำตัวชาร์จนี้เข้ามาจำหน่ายและพร้อมให้บริการติดตั้งตามบ้านแล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

5.มีหลากแบรนด์ดัง หลายสัญชาติให้เลือกใช้ 
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเริ่มคึกคักอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายแบรนด์ต่างเข้ามาตีตลาดทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนเป็นหลัก เช่น FOMM One รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น ขนาด 4 ที่นั่ง แบตเตอรี่ความจุ 11.8 kWh วิ่งได้ไกล 160 กม./ชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง เต็ม 1 ครั้ง สำหรับหัวชาร์จจะมีเฉพาะแค่ AC Type2 

6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
MG ZS EV รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า PMSM 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 44.5 kWh วิ่งได้ไกลถึง 337 กม./ชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง สําหรับหัวชาร์จสามารถรองรับ AC Type2 และ CCS2

 

6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
 Hyundai IONIQ EV รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง โดยสูงสุดถึง 204 แรงม้า แรงบิด 395 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ ความจุ 28 kWh วิ่งได้ไกลถึง 280 กม./ชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง สำหรับหัวชาร์จสามารถรองรับ AC Type2 และ CCS2 ฯลฯ 

 

6.หากต้องเดินทางไกลต้องแม่นวางแผน
ในปัจจุบันจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมเท่าในต่างประเทศ เนื่องจากทัศนคติของคนทั่วไปยังมีความกังวลและไม่เข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง อีกทั้งอาจเป็นเพราะราคาที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับสมรรถนะและความสะดวกสบายที่ได้รับ เนื่องจากการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งจะสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 300-400 กม. เท่านั้น


จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง แต่ผู้ที่ต้องเดินทางระยะไกลนั้นอาจต้องวางแผนให้ดี เพราะสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มากพอ ทำให้ไม่สามารถรองรับการใช้งานอย่างทั่วถึง ความพร้อมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจึงเรียกได้ว่ายังอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น

6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ การสนับสนุนหรือการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้นยังมีน้อยมาก ทำให้ผู้ผลิตและผู้ซื้อมองไม่เห็นประโยชน์ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ที่มีมาตรการส่งเสริมและให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน เช่น การยกเว้นภาษี มีเลนพิเศษ ไม่เสียค่าที่จอดรถ ฯลฯ 


อย่างไรก็ดี ในอนาคตกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแน่นอน ไม่ใช่แค่ต่างประเทศ แต่ประเทศไทยเองก็จะถูกกดดันให้ต้องเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่พร้อมก็ตาม 

ก็ถือเป็น 6 ข้อควรรู้ก่อนจะตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน หรือ ใครที่ยังไม่รู้จักรถยนต์ประเภทนี้ก็จะได้ทำความรู้จักว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร