ปี 2562 ตลาดรถจักรยานยนต์ตก 3% ด้วยยอดขาย 1.74 ล้านคัน ส่วนปีนี้ก่อนเกิดโควิด-19 ยังประเมินกันว่า ตัวเลขน่าจะอยู่แถวๆ 1.7 ล้านคัน จากผลกระทบของ พิษเศรษฐกิจ และภัยแล้ง (ยังไม่ให้นํ้าหนักเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส)
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์อาจจะไม่สาหัสเท่าตลาดรถยนต์ที่ยอดร่วงไป 30-40% เพราะหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 หลายคนมีเหตุผลให้ซื้อรถใหม่ ทั้ง การเดินทางเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม การซื้อมาใช้ทำมาค้าขาย รวมถึงกลุ่ม ออน ดีมานด์ ดีลิเวรี่ (On Demand Delivery) บริการส่งของและอาหาร ซึ่งรถจักรยานยนต์ถือเป็นสินค้าจำเป็นในการเดินทางที่ราคาเข้าถึงได้
“ยามาฮ่า” ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ และเมืองไทยยังมีธุรกิจรถกอล์ฟ ยานพาหนะทางนํ้า (Marine) ซึ่งปีนี้เตรียมแคมเปญใหม่ๆมากมาย เพื่อฉลองครบรอบ 65 ปี ของการก่อตั้งธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบัน ยามาฮ่า มอเตอร์ ดำเนินธุรกิจใน 200 กว่าประเทศทั่วโลก และไทยยามาฮ่ามอเตอร์ มีความสำคัญในแง่ยุทธศาสตร์การผลิต การทำตลาด แต่ที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆมากคือ แนวทางการสร้างแบรนด์
“เรารณรงค์เรื่องแบรนดิ้ง มา 4-5 ปีแล้ว อย่างการส่งแคมเปญไปประกวดไปที่ ยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น (จัดเป็นปีแรก) ปรากฎว่าโครงการของประเทศไทยได้อันดับ 2 ของโลก ด้วยการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรมทำแบรนด์ดิ้งเชิงระบบ
ขับเคลื่อนโดยคำนึงถึง พนักงาน ลูกค้า ดีลเลอร์ สื่อมวลชน และ ซัพพลายเออร์” นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวและว่า
โครงสร้างแบรนด์ของยามาฮ่า ที่พยายามสื่อสารไปในทิศทางเดียวกันคือการสร้าง 1. Innovation นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ 2.Excitement ความตื่นเต้น ความสนุกสนาน 3.Confidence ความมั่นใจในตัวสินค้าทุกประเภท 4.Emotion สินค้าต้องดึงดูดใจน่าใช้ 5.Ties สร้างความผูกพันกับลูกค้าตลอดไป
“แบรนดิ้งกับการค้าเป็นสิ่งที่คู่กันมาตลอด แต่การสร้างแบรนด์แบบเดิมๆคือ ทำแคมเปญ ตั้งสโลแกน แล้วโฆษณา สำหรับยุคใหม่ที่ทิศทางการตลาดเปลี่ยนไปเราต้องทำให้ลึกเป็นวงจร เริ่มจากการตั้งเป้าหมาย ลงมือทำ เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วต้องยกระดับต่อไป”
นายพงศธร กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดของการทำแบรนดิ้ง คือสร้างความแตกต่างจากสินค้าอื่น ทำให้ลูกค้ามั่นใจในตัวสินค้า สร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ดูแลผูกพันกันไปตลอดทั้งชีวิต ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจของผู้จำหน่ายและพนักงานของไทยยามาฮ่าฯ ด้วย
ในส่วนโปรดักต์ต้องมีนวัตกรรม และการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในทุกๆ เรื่อง บริษัททำตามความต้องการของลูกค้าทั้งสิ้น ส่วนบริการหลังการขายตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา เพิ่มการรับประกันรถจักรยานยนต์ทั้งคัน ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซี เป็น 5 ปี หรือ 50,000 กม. เป็นเจ้าแรกของโลก
นอกจากนี้ ยังเปิด Yamaha Premium Service ที่ถนนศรีนครินทร์ ศูนย์บริการมาตรฐานใหม่ ที่จะเป็นต้นแบบให้ผู้จำหน่ายนำระบบนี้ไปใช้ดูแลลูกค้า ล่าสุดเปิด Yamaha Premium Parking ด้วยการเช่าที่จอดรถตามตึกในเมือง ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (ทั้งรถเล็ก,รถใหญ่ แต่ต้องสมัครเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน) เปิดรวม 11 แห่ง ด้วยช่องจอดรถที่กว้างขวางและเป็นส่วนตัว พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย
“ในวิกฤติโควิด-19 ตลาดรถจักรยานยนต์ตก แต่ยอดขายยามาฮ่าลดลงน้อยกว่าตลาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแผนงานต่างๆ และความเป็นแบรนด์ของเรา ดังนั้นปีนี้จึงมีโอกาสทำส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น จากเป้าหมายที่วางไว้ 16% ” นายพงศธร กล่าวสรุป
ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ 5 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-พ.ค.63) ของกรมการขนส่งทางบก พบว่า “ฮอนด้า” ทำได้ 473,476 คัน ลดลง 19.1% “ยามาฮ่า” 91,985 คัน ลดลง 16.9%
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,588 วันที่ 2 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2563