จริงๆปีที่แล้ว ผมลองขับตัวนำเข้ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 330i พบว่า G20 กลับมาสู่รากเหง้าแห่งความสปอร์ตดุดัน ช่วงล่างหนึบแข็งกว่า F30 ชัดเจน ขับแล้วประทับใจครับ
ตามที่เคยเสนอไปว่า G20 ตัวถังใหญ่กว่า F30 ทุกมิติ ทั้ง ความยาวมากขึ้น 76 มม. กว้างเพิ่ม 16 มม. ความสูงเพิ่ม 1 มม. และระยะฐานล้อขยายอีก 41 มม. เป็น 2,851 มม. แต่รวมๆยังสามารถ ลดนํ้าหนักลงได้ 55 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำอะลูมิเนียมมาขึ้นรูปตัวถังมากขึ้น เช่น บริเวณฝากระโปรงและกันชนหน้า
การออกแบบดูสมดุลลงตัว โชคดีที่กระจังหน้าแบบไตคู่ยังไม่ใหญ่มโหฬารจมูกบาน ตามภาษาการออกแบบรถยุคใหม่ของบีเอ็ม ดับเบิลยู ส่วนด้านท้ายและกรอบไฟ เส้นสายยิ่งโดดเด่นสุดๆ
แน่นอนว่ารุ่นนี้มากับชุดแต่งรอบคัน และคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport ส่วนภายใน พวงมาลัยหนังแท้ M กาบบันไดและชุดแป้นวางเท้า เพดานหลังคาภายในสี Anthracite เป็นต้น
ส่วนความสุดยอดของ 330e M Sport จะมาพร้อมช่วงล่าง Adaptive M สามารถปรับความหนึบแข็งได้ ส่วน 320d เป็นช่วงล่าง M Sport เฉยๆ (เซ็ต มาแข็ง แต่ปรับความหนืดไม่ได้) ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยางรันแฟลตซีรีส์โหดๆ โดยคู่หน้า 225/40 R19 หลัง 255/35 R19
…เจอขนาดล้อ และซีรีส์ยางเข้าไป ชัดเจนว่ารุ่นนี้บู๊ดุดันแน่นอน
สำหรับโหมดการขับขี่ยังแบ่งเป็น ไฮบริด สปอร์ต อีวี อแดปทีฟ ขณะที่โหมดแบตเตอรี่คอนโทรล เครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็นหลัก เพื่อขับเคลื่อนรถและส่งพลังชาร์จไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ให้ถึงค่าที่เราตั้งไว้ เช่น 80% หรือ 100% (อาจจะด้วยเหตุผลต้องการขับโหมด อีวี ในอนาคต)
นอกจากนี้ ในโหมด สปอร์ต และ อีวี สามารถปรับช่วงล่าง Adaptive M เองได้ว่าต้องการความหนึบระดับไหน (ระหว่าง Comfort กับ Sport)
330e ยังขยับความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไออนเป็น 12 กิโลวัตต์ชั่วโมงส่งผลให้การชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ เกิน 50 กม. ขณะที่ความเร็วสูงสุดในโหมด อีวี นี้ยังทำได้ถึง 140 กม./ชม.(รุ่นเก่าให้ 120 กม./ชม.)
โหมดอีวี ถ้าแบตเตอรี่พลังงานเต็มๆ คุณสามารถกดคันเร่งได้แรงๆ โดยรถไม่สั่งให้เครื่องยนต์ทำงานแน่ๆ (แต่อย่า เกิน 140 กม./ชม.) เพียงแต่ระยะทางที่จะวิ่งได้จากพลังงานไฟฟ้า (แสดงตัวเลขเป็นกิโลเมตรอยู่ที่มุมขวาล่างของจอแสดงผล) จะลดลงแบบฮวบฮาบ
อย่างไรก็ตาม พลังของมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ส่งผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไม่ถึงกับ “จี๊ดจ๊าด” มากนัก ซึ่งโหมดนี้เอาไว้ขับ ชิลๆ รักษาสิ่งแวดล้อม ประหยัดค่านํ้ามันจะดีกว่า
ส่วนพวกเท้าหนักต้องไปเจอกับโหมดสปอร์ต ที่มีฟังก์ชันใหม่ XtraBoost พร้อมรีดกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งระบบ 292 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420นิวตัน-เมตร ลงสู่ล้อหลังให้ได้มากที่สุด สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ระดับ 5.9 วินาที
การกระตุ้นการทำงานก็คล้ายๆลักษณะการกดคิกดาวน์ โดยโหมด XtraBoost จะส่งกำลังเสริม 40 แรงม้า มาให้อย่างรวดเร็วตามนํ้าหนักของเท้าขวา ประมาณว่าขับแล้วเห็นสัญญาณไฟเขียวไกลๆ ตัวเลขนับถอยหลังเหลือตํ่ากว่า 10 วินาที แล้วกดคันเร่งแรงๆทันที “ซีรีส์ 3” คันนี้สามารถพุ่งแหวกอากาศผ่านสี่แยกฉลุย
ผมยังชอบที่หน้าจอกลางแสดงผลเป็นภาษาไทย สั่งงานผ่านปุ่ม iDrive ตรงกลางยังใช้งานง่าย ทุกโหมดทุกฟังก์ชันเข้าใจตรรกะของคนขับเป็นอย่างดี อย่างหน้าแสดงการทำงานของระบบขับเคลื่อนว่า ตอนไหนใช้เครื่องยนต์ ช่วงไหนใช้ไฟฟ้า มาทั้งรูปและตัวอักษรชัดเจนครับ (แต่ระบบสั่งงานด้วยเสียง ตัวผมยังไม่ประสบความสำเร็จในการใช้งานนัก)
ด้านการควบคุมผ่านพวงมาลัยเซอร์โวทรอนิกสั่งงานแม่นยำช่วงล่างกระชับแม้ในโหมดคอมฟอร์ด และกระด้างขึ้นเล็กน้อยในโหมดสปอร์ต ขณะเดียวกันถ้าเทียบกับ ซี-คลาส W205 (เฟซลิฟต์) ปลั๊ก-อินไฮบริด C300e ที่ให้ประสิทธิผลด้านพละกำลังสูงกว่า แต่บุคลิกในภาพรวมโดยเฉพาะช่วงล่าง การควบคุม ต้องยกให้บีเอ็มดับเบิลยู 330e ที่ขับสนุกเร้าใจกว่า
รวบรัดตัดความ...ถ้านับย้อนไป 2 เจเนอเรชัน ก่อน E90 และ F30 ผมว่า ซีรีส์ 3 โฉมใหม่ ตัวถังซีดาน G20 ทำรถออกมาได้แบบที่ควรจะเป็นมากที่สุดแล้ว คือเน้นสมรรถนะเอาใจคนขับ ที่สำคัญบีเอ็มดับเบิลยูยังมีรุ่นใหม่ราคาย่อมเยาอย่าง “ซีรีส์ 2 แกรนด์คูเป้” ราคา 2 ล้านต้นๆ คอยระวังหลังเกาะตลาดในกลุ่ม Entry Level เอาไว้ ดังนั้น G20 สามารถขยับตัวหนีได้ ด้วยความเหนือชั้นของสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยเวอร์ชันล่าสุด พร้อมวางตัวเป็นแบรนด์ไอคอนของค่ายได้อย่างสมศักดิ์ศรี
เทสไดร์ฟ : กรกิต กสิคุณ
หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,563 วันที่ 5 - 8 เมษายน พ.ศ. 2563