รถเช่าพลิกวิกฤติจับลูกค้า เลี่ยงขนส่งสาธารณะ

28 มี.ค. 2563 | 04:05 น.

พิษโควิด-19 ลามทั่วโลก ธุรกิจรถเช่าหืดจับจากนักท่องเที่ยวลดลง พร้อมเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส โหมแคมเปญราคาตํ่า -เช่ารายชั่วโมง หวังจับลูกค้าที่ไม่ต้องการเสี่ยงกับบริการขนส่งสาธารณะด้าน“เอแซ็ป”ปรับคำสั่งซื้อรถเข้าพอร์ตใหม่จากเดิม 3,000 คัน เหลือ 2,000 คัน

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบทั่วโลก หลายประเทศออกมาตรการคุมเข้มการเดินทางของประชากร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจท่องเที่ยว, สายการบิน, โรงแรม, ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมถึงรถเช่า

ในธุรกิจรถเช่า หลักๆแบ่งออกเป็นการเช่าระยะสั้นสำหรับลูกค้าส่วนบุคคล และเช่าระยะยาวสำหรับองค์กร โดยธุรกิจส่วนแรกได้รับผลกระทบเต็มๆจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ดังนั้นผู้ประกอบการต่างอัดแคมเปญแรง สรรหาบริการใหม่ รวมถึงพลิกวิกฤติเป็นโอกาสด้วยการชูประเด็น เช่ารถขับส่วนตัวสามารถหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีกว่าการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า หรือแท็กซี่

หลายบริษัทพยายามชูเรื่องมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย รถทุกคันฆ่าเชื้อ พนักงานผู้ให้บริการใส่หน้ากากอนามัย มีบริการเจลแอลกอฮอล์ และตามการแนะนำของรัฐบาลให้เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Social Distancing) จึงนำเสนอรถเช่าให้เป็นทางเลือกสำหรับการหลีกเลี่ยงคนกลุ่มใหญ่ ลดการแออัดในรถสาธารณะ พร้อมค่าบริการตํ่า หรือปล่อยเช่าขับสั้นๆ คิดเป็นรายชั่วโมง

นำโดยค่าย “ซิกท์” ในเครือเอ็มจีซี เอเชีย จัดข้อเสนอเช่าขับเท่าไรจ่ายเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 299 บาทต่อ 3 ชั่วโมง พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมผู้ถือคูปองพรีเพด เวาเชอร์ มูลค่าตั้งแต่ 100-200 บาทต่อวัน

รถเช่าพลิกวิกฤติจับลูกค้า เลี่ยงขนส่งสาธารณะ

“ไทยเร้นท์อะคาร์” ทำรถเช่าทุกรุ่นราคาเดียว 499 บาทต่อวัน และ 9,999 บาทต่อเดือน หรือเฉลี่ยวันละ 333 บาท ไม่มีชาร์จวันหยุด สามารถคืนรถต่างสาขาได้ฟรี ส่วน “บัดเจ็ท” ออกมาตรการฝ่าวิกฤติโควิด -19 ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมมูลค่าตั้งแต่ 250-500 บาทต่อวัน สำหรับลูกค้าผู้ถือคูปองพรีเพด เวาเชอร์

ด้าน “ชิคคาร์เร้นท์” ส่งราคา 500 บาทต่อวัน ฟรีประกันภัย ชั้น 1, ฟรีคืนรถช้าได้ 4 ชั่วโมง พร้อมกันนี้เริ่มขายแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับลูกค้าเช่ารถรายเดือน อาทิ เช่าฮอนด้า บีอาร์วี 1.3 หมื่นบาทต่อเดือน ส่วน “เอวิส” ส่งแคมเปญสำหรับลูกค้าที่โดนยกเลิกจากสายการบิน, โรงแรมต่างๆเพียงโชว์เอกสาร รับสิทธิการจองรถเช่าราคาพิเศษ 319 บาท และยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าที่ซื้อเวาเชอร์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดยาว หรือช่วงวันหยุดเทศกาล

นายภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ ประเทศไทย กล่าวว่า แคมเปญยังคงต้องมีเพื่อแข่งขันกันไป และบางส่วนที่ลูกค้าจองเข้ามาแล้วเดินทางไม่ได้ อยากขอเงินคืนบริษัทก็จะคืนให้ หรือบางคนต้องการเลื่อน บริษัทก็ยืดระยะเวลาของคูปองเป็น 1 ปี

“เรามอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะในช่วงที่ผ่านมาก่อนที่รัฐบาลจะประกาศปิดห้าง ปิดสถานที่ต่างๆ สัดส่วนลูกค้าหายไปประมาณ 50% แล้ว คาดว่าหลังจากนี้อาจจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามีแผนที่จะคัดรถที่ไมล์เยอะ หรือรถบางส่วนที่หมดอายุสัญญาออกไปขาย ตรงนี้จะช่วยรักษาโมเมนตัมให้กับธุรกิจได้” นายภูมน กล่าว

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่า กล่าวว่า บริษัททำแคมเปญราคา เช่น เช่าโตโยต้า อัลติส รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ราคา 499 บาท/วัน และลูกค้าที่เช่ารถ 3 วันขึ้นไป
บริการส่งรถให้ถึงที่ (ในระยะทาง 15 กิโลเมตรจากสำนักงานถึงจุดที่ลูกค้าจะรับรถ)

นอกจากนี้บริษัทยังเปลี่ยนแผนงานจากเดิมจะซื้อรถยนต์เข้ามาในพอร์ต 3,000 คัน ล่าสุดปรับลดลงเหลือประมาณ 2,000 คัน และเร่งพัฒนา เอแซ็ป โมบิลิตี โซลูชัน เซอร์วิส (ASAP Mobility Solution Services) ซึ่งถือเป็นการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้อย่างจริงจังในธุรกิจรถเช่า โดยจะเป็นรูปแบบแอพพลิเคชันที่รวบรวมสินค้าและบริการทุกอย่างของเอแซ็ปให้อยู่ในแอพเดียว ไม่ว่าจะเป็นการจองรถเช่าระยะสั้น, รถเช่าตามการใช้งานจริง asap GO, รถเช่าพร้อมคนขับ

ทั้งนี้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนมีนาคม ก่อนที่ภาครัฐจะประกาศปิดสถานที่หลายแห่ง ธุรกิจรถเช่าระยะสั้นในภาพรวมๆได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 60% และคาดว่ารายย่อย รายเล็กๆที่อาจจะไม่แข็งแรงพอจะทยอยปิดตัว ส่วนรถเช่าระยะยาว เนื่องจากเป็นการทำสัญญากันอยู่แล้ว ทำให้ผลกระทบไม่มากเท่าไร โดยตัวเลขอาจจะลดลงประมาณ 10%

“เราโชคดีที่มีสาขาบางจุดอยู่นอกสนามบิน ทำให้รองรับรูปแบบการเดินทางของลูกค้าที่หลากหลาย ประกอบกับมีแพ็กเกจให้ลูกค้าเลือก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานตามจริง ให้บริการพร้อมคนขับ ทำให้เรายังไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไร โดยสิ้นปีนี้เรายังวางเป้าหมายที่จะเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่เราทำรายได้ 3,137 ล้านบาท” นายทรงวิทย์ กล่าว

 

หน้า 16-17หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,560 วันที่ 26 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2563