มิตซูบิชิ ทุ่ม 7 พันล้าน ผุดโรงพ่นสี 

26 ก.พ. 2563 | 05:00 น.

มิตซูบิชิเดินหน้าลุยเต็มสูบ พร้อมเปิดโรงพ่นสีแห่งใหม่หวังยกระดับการผลิตรถยนต์ในประเทศ คาดแล้วเสร็จธ.ค. 64 

อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังเนื้อหอม ล่าสุดค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพิ่งจะวางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างโรงพ่นสีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งใหม่ในแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี  โดยโรงพ่นสีแห่งใหม่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 7 พันล้านบาท ที่มิตซูบิชิมีเป้าหมายจะยกระดับความสามารถด้านการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย นอกเหนือจากแผนดังกล่าวแล้วมิตซูบิชิ ยังมีแผนการปรับปรุงพัฒนาเพื่อยกระดับศูนย์การผลิตแหลมฉบังในอนาคต

 

“โรงพ่นสีแห่งใหม่คือส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่า 7 พันล้านบาทที่นำไปสู่การพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันด้านการผลิตของเราให้เพิ่มสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  การพัฒนาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสู่อนาคตอันยั่งยืนของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” นาย โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

มิตซูบิชิ ทุ่ม 7 พันล้าน ผุดโรงพ่นสี 

โรงพ่นสีแห่งใหม่ประกอบด้วยอาคาร 4 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 21,000 ตารางเมตร และจะเป็นโรงพ่นสีที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย  โดยคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2564 

 

สำหรับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นผู้บุกเบิกในด้านเทคโนโลยีการพ่นสีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นในปี 2555 นำเทคโนโลยีระบบสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย (Waterborne) ที่ทันสมัยที่สุด ณ เวลานั้น มาใช้อย่างเป็นทางการที่โรงงานแหลมฉบัง 3 ซึ่งทำให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นศูนย์การผลิตแห่งแรกในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีการพ่นสีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมล่าสุดในทุกโรงงาน 

ปัจจุบันกระบวนการพ่นสีของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่เป็นแบบสีที่ใช้สารระเหยจะยังคงสามารถดำเนินการผลิตได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐานและข้อกำหนดของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แต่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจึงได้พิจารณาลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยีที่สามารถลดการปล่อยสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย  หรือ VOCs ( Volatile Organic Compounds) ให้ได้มากที่สุด

มิตซูบิชิ ทุ่ม 7 พันล้าน ผุดโรงพ่นสี 

โรงพ่นสีแห่งใหม่นี้จะติดตั้งระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติและระบบ IoT (Internet of Things) เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพความแม่นยำในกระบวนการพ่นสีให้สูงขึ้น  พร้อมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดสารระเหยที่หลงเหลือจากขั้นตอนการผลิต โรงพ่นสีแห่งใหม่จะสามารถลดการปล่อย VOCs ได้ถึง 81 %พร้อมกันนี้จะใช้ระบบสายพานขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์บังคับแรงเสียดทาน (Friction Conveyor System) ที่สามารถลดมลภาวะทางเสียงในโรงงานได้ดีอีกด้วย

 

ขณะเดียวกันน้ำเสียจากกระบวนการพ่นสีจะถูกรีไซเคิลผ่านระบบรีเวอร์สออสโมซิสและนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต จึงสามารถช่วยลดปริมาณน้ำเสียลง80 % และยังช่วยลดการนำน้ำใหม่มาใช้ในกระบวนการพ่นสี80 %เมื่อเทียบกับกระบวนการพ่นสีในปัจจุบัน 

 

โรงพ่นสีแห่งใหม่นี้ยังจะได้รับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนดาดฟ้า ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 3,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,707 ตันต่อปี โดยเมื่อรวมกับแผนการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ของโรงงานแหลมฉบังแล้ว จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 6,000 ตันต่อปี

มิตซูบิชิ ทุ่ม 7 พันล้าน ผุดโรงพ่นสี 

"การลงทุนก่อสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่และการยกระดับศูนย์การผลิตแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการให้ความสำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่มีต่อประเทศไทย โดยปัจจุบันเรามีรถยนต์ 4 รุ่นหลักที่ผลิตคือ  มิตซูบิชิ ไทรทัน, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ,มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ โดยส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก และในปี 2562 ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ครองอันดับหนึ่งด้านการส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย" นายชกกิ กล่าวทิ้งท้าย