มากไปกว่านั้น เอ็มจียังอยากเสริมทัพเอสยูวีที่มีความหรูหรา วางตำแหน่งสูงขึ้นไปอีก ซึ่งแผนงานนี้กำลังรอสรุปกับบริษัทแม่ที่เมืองจีนอีกครั้ง (ไม่รวมรถขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริดที่มีแผนอยู่แล้ว)
เมื่อเก๋งเล็กสู้อีโคคาร์ญี่ปุ่นไม่ได้ (ในแง่การดำเนินธุรกิจ) และตลาดรถยนต์มุ่งสู่เอสยูวี เอ็มจีเขาก็เดินทางนี้ละครับ
สำหรับ “เอ็มจี เอชเอส” เปิดตัวในเมืองไทยเดือนกันยายนปีที่แล้ว แบ่งการขาย 3 รุ่นย่อย คือ C ราคา 9.19 แสนบาท D ราคา 1.019 ล้านบาท และรุ่น X 1.119 ล้านบาท
ในแง่การพัฒนาและสมรรถนะการขับขี่ “เอชเอส” ดูดีกว่า “จีเอส” ทุกกระเบียดนิ้วครับ การออกแบบทันสมัยทั้งภายนอกภายใน ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกปลอดภัยแบบจัดเต็ม
ว่ากันที่รุ่นท็อป X ใส่ของเล่นมาเต็มที่สุดในเอสยูวีราคา 1.0 -1.2 ล้านบาท เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสารต้องพบกับลูกเล่นแพรวพราว ทั้งเบาะหนังแบบสปอร์ตสีแดง การรองรับแน่นๆแข็งๆคล้ายเบาะบักเก็ตซีต รวมถึงหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ขนาด 1.1 ตร.ม. หน้าจอแสดงผลกลางแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10 นิ้ว
พวงมาลัยมาพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน มีแป้นแพดเดิลชิฟต์เปลี่ยนเกียร์อยู่ด้านหลัง แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือปุ่มแดงๆ ตรงตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งเป็นปุ่มลัดเอาไว้กดเลือกโหมดซูเปอร์สปอร์ต (น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากปุ่มสปอร์ตโครโนของปอร์เช่) โดยระบบจะปรับการตอบสนองของพวงมาลัย เครื่องยนต์และเกียร์ เพิ่มความเร้าใจในการกดคันเร่งมากขึ้น
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด เอ็มจีเคลมว่า เอสยูวีนํ้าหนักตันครึ่งรุ่นนี้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ตํ่ากว่า 10 วินาที ซึ่งการขับจริงๆรถให้อารมณ์ดุดันในระดับหนึ่ง และจัดจ้านมากขึ้นเมื่อเลือกโหมดสปอร์ต
พวงมาลัยหนักแน่นแม่นยำ ช่วงล่างหนึบแน่นไม่โหวงเหวง แต่บางจังหวะของการเพิ่มความเร็ว ระบบขับเคลื่อนไม่ถึงกับเนียนมากนัก ตามสไตล์รถเครื่องยนต์ เทอร์โบ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเกียร์มีอารมณ์กระตุกเล็กน้อย
เอชเอส สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้ง Eco Normal Sport และ Super Sport รวมถึง Custom ที่ปรับรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ
ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม แต่ส่วนตัวผมเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ต้องหาทางปิดระบบช่วยเตือนและควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางการวิ่งเป็นลำดับแรก โดยรถจะมีกล้องคอยจับการตีเส้นของถนน พร้อมดึงให้รถอยู่ตรงกลางเลนตลอดเวลา นั่นหมายความว่าท่านจะไม่ได้เป็นคนควบคุมรถคันนี้ 100%
หากมองในแง่ความปลอดภัยนั้นดีมากๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสู่ระบบขับขี่อัตโนมัติ แต่การขับจริงบนท้องถนนเมืองไทยผมขอปิดระบบนี้แล้วควบคุมรถเองก่อนดีกว่า(สามารถกดปุ่มปิดระบบนี้ได้ตรงก้านควบคุมด้านซ้าย)
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน จากการลองวัดผ่านหน้าจอดิจิตอลหลังพวงมาลัยในหลายวาระ ส่วนใหญ่เป็นการขับในเมืองในช่วงการจราจรไม่แออัด ตัวเลขที่เห็นบ่อยคือ 9 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 11 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...เอชเอส เป็นรถขับสนุก มาพร้อมออพชันอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยเยอะที่สุดบรรดาเอสยูวีราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ คันเดียวจบแบบตอบสนองการใช้งานได้หลายรูปแบบ
คอลัมน์เทสต์ไดร์ฟ
โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,549 วันที่ 16 - 19 กุมภาพันธ์ 2563