ยีเอสโตเหนือตลาดแบตเตอรี่

ภาพรวมตลาดแบตเตอรี่ในไทย เฉพาะกลุ่มอาร์อีเอ็ม(REM) หรือตลาดทดแทน อยู่ในภาวะชะลอตัวมาหลายปีโดยมีปริมาณการขาย 5 ล้านลูกต่อปีขณะที่ทิศทางของปี 2563 คาดว่ายังทรงตัวตามอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไรก็ตามในกลุ่ม ผู้นำบางแบรนด์ยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ อาทิ ยีเอส แบตเตอรี่

สำหรับปี 2562 ยีเอสมีอัตราการเติบโตในตลาดทดแทน 30% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 3,800 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาด (REM) 35%

“การแข่งขันในตลาดแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง สำหรับของเราค่อนข้างจะโตเยอะ เพราะเราปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ทั้งเรื่องบริหาร, เรื่องคน, ผลิตภัณฑ์, ราคาขาย, การพูดคุยกับดีลเลอร์เพื่อรับฟังปัญหา และเรานำข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการของตลาดให้มากที่สุด” นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่ยีเอส กล่าวและว่า

แผนงานในปี 2563 ในแง่ของผลิตภัณฑ์คาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 2562 ที่เปิดตัวประมาณ 4 - 5 ตัว ส่วนแผนงานอื่นๆ ได้ริเริ่มบริการใหม่ GS PROMPT (พร้อม)1380 ที่ให้บริการช่วยเหลือในการเปลี่ยนแบตเตอรี่กรณีฉุกเฉิน เมื่อผู้ใช้รถประสบปัญหาแบตหมด โดยสามารถโทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์คอลล์เซ็นเตอร์ 1380

ประกาสิทธิ์ พรประภา

ในเฟสแรกของการให้บริการ GS PROMPT จะมีเครือข่ายร้านค้าที่เป็นพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 100 ราย และกระจายใน 50 จังหวัดทั่วประเทศหลังจากนั้นจะพัฒนาเพิ่มอีก 25 จังหวัดโดยบริการนี้จะไม่มีค่าบริการติดตั้ง หรือค่าจัดส่ง จะมีเฉพาะค่าสินค้าคือแบตเตอรี่เท่านั้น และราคาจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน

“การเปิดบริการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือแบบดีลิเวอรีในครั้งนี้เราถือเป็นเจ้าแรกในวงการแบตเตอรี่ที่ได้ทำ โดยเราคาดว่ายอด ขายที่จะได้จากช่องทางนี้จะมีประมาณ 10% จากยอดขายรวมทั้งหมด”

ล่าสุดยังแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ DIN TYPE LN5-MF แบตเตอรี่ที่นำเข้ามาจากประเทศตุรกี เพื่อเติมเต็มผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับรถยุโรป และรถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ๆ ที่มีใช้อยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน  ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแห้ง หรือ Maintenance Free รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีการเพิ่มความหนาของแผ่นธาตุมากขึ้นเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ขั้วจมของเราที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน  ซึ่งแบตเตอรี่ขั้วจมรุ่น DIN TYPE LN5-MF เป็นแบตเตอรี่ 12V ที่มีกำลังไฟเต็ม 100 Ah  ทำให้สตาร์ทติดง่าย พร้อมทั้งยังสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าปริมาณมากได้ดี ช่วยให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อีกทั้งเพื่อเป็นการตอบรับไลฟ์สไตล์อีกระดับที่สะดวกสบายไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการดูแลระดับน้ำกลั่น และการเพิ่มความหนาของแผ่นธาตุนี้ยังทำให้ผลิตภัณฑ์มีความทนทาน และยืดอายุการใช้งานได้มากกว่ารุ่นปกติ  

ส่วนแผนงานด้านส่งออก ปัจจุบันยีเอสได้รับสิทธิในการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว, เมียนมา, กัมพูชา, มาเลเซีย และล่าสุดเมื่อปี 2562 ได้ส่งกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นประมาณ 2 แสนลูก และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยอดรวมในการส่งออกทั้งหมดนั้นจะอยู่ที่ 1 ล้านลูก

“ส่งออกในปี 2563 น่าจะเพิ่มขึ้น 10% และภายใน 5 ปี สัดส่วนของการส่งออกจาก 25% จะเพิ่มเป็น 30% ซึ่งจากเป้าหมายที่วางไว้ทำให้เราต้องมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของโรงงานโดยคาดว่าในปีนี้จะลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจาก 4.5 ล้านลูกเป็น 5 ล้านลูก”

หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3545 วันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ 2563