มิตซูบิชิ ปลั๊ก-อินไฮบริด ขายต้นปี 64 ราคาต่ำ 2 ล้าน

14 พ.ย. 2562 | 05:15 น.

 

มิตซูบิชิ เล็งทำตลาดเอสยูวี “เอาต์แลนเดอร์ โฉมใหม่” ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริดในไทยต้นปี 2564 ตามแผนลงทุน 3 พันล้านบาทเพื่อขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานแหลมฉบัง ส่วนยอดขายรวมปีนี้หลังปิดไตรมาส 3 พุ่ง 10.1% โตเป็นอันดับ 2 รองจากโตโยต้า ปลายปีเร่งปั้นยอด เปิดตัว มิราจ-แอททราจ ไมเนอร์เชนจ์ และปิกอัพ ไทรทัน แอทลีท ใหม่

ตามการประกาศของ “โอซามุ มาสุโกะ” ประธานคณะกรรมการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ในการมาเยือนเมืองไทยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า อาณาจักรการผลิตที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี จะพร้อมขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดรุ่นใหม่ ช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2563 เป็นไปตามแผนการลงทุนในแพ็กเกจรถยนต์ไฟฟ้า ที่บีโอไออนุมัติแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2562

สอดคล้องกับข้อมูลจากบีโอไอ ที่เปิดเผย(ช่วงนั้น)ว่า มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น จีน และเยอรมนี ยื่นแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนในประเภทรถปลั๊ก-อินไฮบริด รวม 8 ราย แต่อนุมัติไปแล้ว 4 ราย

จากแผนงานดังกล่าว คาดว่ามิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมขึ้นไลน์ประกอบเอสยูวีรุ่น “เอาต์แลนเดอร์ ปลั๊ก-อินไฮบริด” (พีเอช อีวี) โฉมใหม่เจเนอเรชันที่ 4 ช่วงปลายปีปฏิทิน 2563 แต่กว่าจะมีรถพร้อมส่งมอบจริงน่าจะเป็นต้นปี 2564 ด้วยราคาขายไม่ถึง 2 ล้านบาท (เสียภาษีสรรพสามิต 4%)

มิตซูบิชิ ปลั๊ก-อินไฮบริด ขายต้นปี 64 ราคาต่ำ 2 ล้าน

ปัจจุบันเอาต์แลนเดอร์ เจเนอเรชันที่ 3 เข้าสู่ปลายอายุโมเดล ส่วนขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด เริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2556 มียอดขายสะสม 2 แสนคันในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นรถยนต์ประเภทปลั๊ก-อินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในโลก เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2561

สำหรับ “เอาต์แลนเดอร์ พีเอชอีวี” ที่ทำตลาดในปัจจุบัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวหน้า-หลัง พร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร และแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนที่วางอยู่ใต้พื้นห้องโดยสาร

“การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต เราเริ่มมองไปที่รถปลั๊ก-อินไฮบริดก่อน จากนั้นถึงจะเป็นอีวี ส่วนการเปิดตัว เอาต์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่อินโดนีเซียในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นการนำเข้าทั้งคัน แต่ประเทศไทย เรามีแผนขึ้นไลน์ประกอบในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2563” นายโอซามุ มาสุโกะ กล่าว

ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส นอกประเทศญี่ปุ่น โดยค่ายตราเพชร คาดว่ายอดขายอีวีและรถปลั๊ก-อินไฮบริด ในภูมิภาคนี้ เมื่อรวมกันแล้วจะสูงถึง 1.2 ล้านคันภายในปี 2579 จึงเป็นเหตุผลให้เกิดการลงทุนมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาทในไทย

ศูนย์การผลิตอำเภอแหลมฉบัง ที่ประกอบด้วยโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง และโรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง ในอำเภอศรีราชา โดยปี 2561 ผลิตรถยนต์รวม 4.4 แสนคัน เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออก ล่าสุดยังประกาศลงทุนเพิ่ม 25,000 ล้านเยน (7,000 ล้านบาท) ปรับปรุงฐานการผลิตแห่งนี้ให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

“เงินลงทุนจำนวนนี้แบ่งเป็นการสร้างโรงงานทำสีใหม่มูลค่า 12,000 ล้านเยน (3,360 ล้านบาท) และ 13,000 ล้านเยน (3,640 ล้านบาท) เป็นการปรับปรุงสายการ ผลิตเดิม พร้อมนำระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุน” นายโอซามุ มาสุโกะ กล่าว

สำหรับยอดขายมิตซูบิชิ ในไทย หลังผ่านไตรมาส 3 ของปี (ม.ค.-ก.ย. 62) ทำได้ 67,445 คัน โต 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถือเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีอัตราเติบโตสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโตโยต้า (โต 11.1%)

ส่วนปลายปีนี้ มิตซูบิชิ เตรียมตบเท้าเข้าไปขายรถใหม่ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ระหว่าง วันที่ 28 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2562 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ด้วยรถไฮไลต์ที่นำมาเปิดตัวครั้งแรกคือ อีโคคาร์ มิราจ-แอททราจ ไมเนอร์เชนจ์ รวมถึงปิกอัพ ไทรทัน รุ่นหรูพิเศษ แอทลีท ใหม่ 

 

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,522 วันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2562

มิตซูบิชิ ปลั๊ก-อินไฮบริด ขายต้นปี 64 ราคาต่ำ 2 ล้าน