แข่งตรงๆของเมอร์เซเดส-เบนซ์ “จีแอลซี” และ บีเอ็มดับเบิลยู “เอ็กซ์3” เผยโฉมออกมาอย่างน่าเกรงขาม โดยการทำตลาดในเมืองไทยมากับ 2 ทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล
“คิว5 โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 2 เข้ามาเติมเต็มไลน์อัพในกลุ่มเอสยูวีของออดี้ให้ครบถ้วน ตั้งแต่ตัวเล็ก คิว2 คิว3 และพี่ใหญ่คิว7 ซึ่งจะว่าไปผมก็ลองสัมผัสมาแล้วทุก “คิว” ยืนยันได้ว่าเอสยูวีของออดี้มีดีมาก กว่ารูปลักษณ์ที่เราเห็นภายนอกแน่นอน
ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ถ่ายทอดมาเป็นสุดยอดสมรรถนะ ขับขี่ได้เต็มที่มั่นใจ และนวลเนียนในสไตล์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ในขณะที่ “คิว5 โฉมใหม่” สิ่งที่เป็นไฮไลต์คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ควอตโตร” รุ่นล่าสุด หรือ Quattro with ultra technology ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถแบบเอสยูวีของออดี้
สำหรับ Quattro with ultra technology เป็นระบบขับเคลื่อนที่ล้อที่ใช้การควบคุมในแบบกลไกและไฟฟ้า ใช้กับรถแบบเครื่องยนต์วางตามยาว โดยพัฒนาต่อยอดมาจากควอตโตรแบบเดิม Self locking center differential พร้อมนํ้าหนักเบาลง 4 กิโลกรัม
ตามข้อมูลของออดี้ระบุว่า หลังสตาร์ตเครื่องออกตัว ระบบจะกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 ล้อ แต่เมื่อระบบตรวจพบว่ารถอยู่ในสถานการณ์ขับขี่ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดทุกล้อ ระบบจะเปลี่ยนมาขับเคลื่อน 2 ล้อหลังโดยอัตโนมัติ (หน้า 0% หลัง 100%) หวังให้รถกินนํ้ามันน้อยลง
ส่วนกรณีที่รถต้องการเสถียรภาพจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบจะประมวลผลจากข้อมูลการขับขี่ ทั้งองศาการหมุนพวงมาลัย จังหวะกดคันเร่ง และแรงบิดที่ส่งมายังล้อ โดยประมวลผลทุก 10 มิลลิวินาที เพื่อหาความเป็นไปได้ที่ล้อใดล้อหนึ่งจะเสียการควบคุม แล้วถ้าระบบตรวจพบความเป็นไปได้ ระบบจะส่งกำลังลงไปยังเพลาขับล่วงหน้าทันที หรือก่อนที่รถจะเสียการทรงตัวใน 0.5 วินาที
…ถือเป็นความอัจฉริยะ และสามารถเรียนรู้พฤติกรรมคนขับ พร้อมปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ซึ่งต่อไป Quattro with ultra technology จะค่อยๆ เข้ามาแทนระบบเดิม Self locking center differential ตามการเปิดตัวรถยนต์ออดี้รุ่นใหม่ครับ
ออดี้ คิว5 โฉมใหม่ ตัวถังใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย ด้วยความยาว4,663 มม. ระยะฐานล้อ 2,819 มม. กว้าง 2,140 มม.สูง 1,659 มม. แต่ด้วยการขึ้นรูปด้วยวัสดุหลักคืออะลูมิเนียมออดี้สามารถ ลดนํ้าหนักลงได้ 90 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับเจเนอเรชันแรก
รุ่นที่ผมขับเป็นเครื่องยนต์เบนซิน TFSI 2.0 ลิตร บล็อกพิมพ์นิยม มาพร้อมระบบฉีดจ่ายนํ้ามันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ (ไดเร็กอินเจ็กชัน) ระบบวาล์วแปรผัน และรีดแรงด้วยเทอร์โบ กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ “เอส-ทรอนิกส์” (ดูอัลคลัตช์) 7 สปีด
สมรรถนะเต็มร้อยครับ เกียร์ส่งกำลังกระชับฉับไว ตอบสนองดีตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงความเร็วปลาย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.3 วินาที ในภาพรวมขับสนุกเร้าใจกว่าเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ ประกบเกียร์ 9 สปีดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี ซึ่งรายนี้พลังดีแต่ออกแนวนุ่มนวลต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับช่วงล่าง “ออดี้ คิว5” พัฒนาใหม่ใช้แบบ 5 จุดยึดทั้งหน้าและหลัง ประกบล้ออัลลอย 20 นิ้ว ยางคอนติเนนตัล สปอร์ต คอนเทค 5 ขนาด 255/45 R20 (รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 19 นิ้ว) การรองรับออกแนวสปอร์ตแข็งกว่าคู่แข่ง ผสานกับพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคุมหนึบแน่นอยู่มือ ถือเป็นเอสยูวีที่มีสมรรถนะโดดเด่นเน้นเอาใจคนขับ แต่ถ้าใครเน้นความคุ้มค่าหวังอัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตรคงต้องคบหากับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
สำหรับ “คิว5” เครื่องยนต์เบนซิน 45 TFSI quattro S line ราคา 3.899 ล้านบาท แพงกว่าตัวดีเซล 35 TDI quattro อยู่ 5 แสนบาท
รวบรัดตัดความ...ผมเป็นนักข่าวสายรถยนต์คนหนึ่งครับ ที่เริ่มเบื่อการขับเอสยูวี(ครอสโอเวอร์) ที่หลังๆค่ายรถยนต์กระหนํ่าเปิดตัวออกมามากมาย การเบื่อที่ว่าเป็นการลองขับรถแบบนี้บ่อยๆ ซํ้าๆ ซึ่งสมรรถนะต่างไปตามระดับราคา ทว่าหลังจากได้สัมผัส Q5 45 TFSI quattro S line กลับทำให้ผมใจจดใจจ่อ ตื่นเต้นเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย และปกติเป็นคนชอบสมรรถนะและความคุ้มค่าของรถเครื่องยนต์ดีเซลเป็นทุนเดิม แต่สำหรับ “คิว5” ต้องบอกว่าใส่ไปไม่ต้องยั้งกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ที่ขับได้มันมือ สนุกเท้า แถมสบายตัว เมื่อใช้วิ่งทางใกล้ๆหรือตะบันทางไกลออกต่างจังหวัด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,300 วันที่ 28 - 30 กันยายน พ.ศ. 2560