ผ่าสเปก‘นิสสัน ลีฟ’ รู้จักกันก่อนขายในไทย

10 ก.ย. 2560 | 10:46 น.
เจเนอเรชันที่ 2 ของรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นขายดีที่สุดในโลก เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมาตามการประกาศไว้ก่อนหน้า ขณะที่รายละเอียดทางวิศวกรรมเป็นไปตามที่นิสสัน เคยโปรโมตไว้เช่นตัวรถวิ่งได้ไกลขึ้นจากการชาร์จไฟเต็ม
1 ครั้งพร้อมระดมเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัด

ลีฟ (LEAF) หรือ Leading, Environmentally Friendly, Affordable Family Vehicle เจเนอเรชันแรกเริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2010 ปัจจุบันมียอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 2.83 แสนคัน จาก 3 ฐานการผลิตคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ

โดยรุ่นใหม่ พัฒนาระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ทั้งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้น 38% แรงบิดเพิ่ม 26% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ตลอดจนยืดระยะทางวิ่งให้ไกลขึ้น ด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนใหม่ ช่วยให้ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นถึง 400 กม. เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

mp33-3295-b แบตเตอรี่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานดีขึ้นแต่คงขนาดเท่าเดิม ซึ่งการปรับปรุงใหม่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 67% ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้าพร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ เพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคายประจุไฟ เหนืออื่นใดนิสสันยังยืนยันว่า ปีหน้าจะเพิ่มรุ่น e+ ด้วยแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง เพื่อให้วิ่งได้ระยะทางไกลกว่ารุ่นปกติ (ราคาก็แพงขึ้นด้วย)

นิสสันยังพัฒนาโครงสร้างของลีฟ ใหม่ ให้มีเสถียรภาพการทรงตัวดีขึ้น อย่างการวางชิ้นส่วนที่มีนํ้าหนักมาก เช่น แบตเตอรี่ไว้บริเวณกลางตัวถัง เพื่อลดแรงเฉื่อย (Moment of Inertia) หวังเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม
ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ เชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์ชัน บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10% ขณะเดียวกันยังคิดค้นระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) ให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานแม่นยำ หรือสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นใจยิ่งขึ้น

mp33-3295-a ด้านเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) ที่นิสสันพยายามปูทางสื่อสาร ไล่ตั้งแต่ ProPILOT ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ ด้วยการใช้ความเร็วที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ระหว่าง 30-100กม./ชม.) พร้อมช่วยบังคับทิศทางและรักษาตำแหน่งอยู่กึ่งกลางช่องจราจร

ProPILOT Park ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการจอดรถอย่างเต็มรูปแบบ โดยควบคุมการเร่ง เบรก พวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ และเบรกมือ เพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการประมวลผลภาพจากกล้องความละเอียดสูงจำนวน 4 ตัวและข้อมูลจากเซ็นเซอร์ อัลตร้าโซนิก 12 ตัวที่ติดตั้งรอบคัน คอยช่วยควบคุมรถให้เข้าสู่ช่องจอดได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำ

ด้าน e-Pedal ระบบช่วยให้ผู้ขับออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว อย่างกรณียกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก

mp33-3295-c นอกจากนี้ ยังเสริมระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Intelligent Lane Intervention) ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking) ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Warning) ระบบตรวจจับสัญญาณจราจร (Traffic Sign Recognition) ระบบเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมการตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว และระบบช่วยเหลือฉุกเฉินขณะเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ (Emergency Assist for Pedal Misapplication)

นิสสัน ลีฟ ใหม่ สามารถเชื่อมต่อผู้ขับขี่ รถยนต์ และการสื่อสารผ่านระบบนิสสันคอนเนกต์ (NissanConnect) เช่น แอพพลิ เคชันบนสมาร์ทโฟนออกแบบให้ผู้ใช้จะสามารถเรียกดูข้อมูลการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่รถยนต์ กำหนดเวลาชาร์จเพื่อความคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลาที่อัตราค่าไฟฟ้าตํ่า ค้นหาตำแหน่งสถานีชาร์จไฟฟ้า และการเปิดเครื่องปรับอากาศหรือฮีตเตอร์ไว้ล่วงหน้าก่อนขึ้นรถ

สำหรับ นิสสัน ลีฟ ใหม่ เตรียมขายในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 3.15 ล้านเยน หรือกว่า 9 แสนบาท ขณะที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป จะพร้อมส่งมอบช่วงเดือนมกราคมปีหน้า จากนั้นจะทยอยลุยตลาดอีก 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีประเทศ ไทยรวมอยู่ด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว