คาราวานมาสด้าจากตะวันออกสู่ตะวันตก

02 ก.ค. 2560 | 03:10 น.
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรม MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN โดยใช้เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่กรุงเทพ ไปยังเวียดนาม ลัดเลาะมายังลาว และเข้าเขตประเทศไทยเพื่อวิ่งออกไปยังเมียร์มาร์ และกลับเข้ามายังประเทศไทย เบ็ดเสร็จระยะทางที่ใช้กว่า 2,900 กิโลเมตร

MP37-3275-A การเดินทางในครั้งนี้ ขบวนคาราวานมาสด้าได้ใช้เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ จากแนวตะวันออกมุ่งหน้าสู่ตะวันตก หรือที่เรียกกันว่า EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR เส้นทาง R2 หรือ R9 เมื่ออยู่ในประเทศลาว ที่เชื่อมสองมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ จากมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออก หรือทะเลจีนใต้ กับมหาสมุทรอินเดียตะวันตก และระหว่างการเดินทางจะได้สัมผัสขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

MP37-3275-d โดยมาสด้าได้วางแผนการเดินทางครั้งนี้ออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งกลุ่มแรกสตาร์ทจาก กรุงเทพฯ มายังเวียดนาม ที่เมืองดานัง ต่อที่เมืองเว้ คิดเป็นระยะทาง 287 กิโลเมตร และจะวิ่งจากเมืองเว้ - มาสะหวันนะเขต ประเทศลาว เข้าประเทศไทยผ่านจังหวัดมุกดาหาร คิดเป็นระยะทาง 399 กิโลเมตร และต่อมายัง พิษณุโลก อีก 555 กิโลเมตร เบ็ดเสร็จกลุ่มแรกมีระยะทางกว่า 1,241 กิโลเมตร

MP37-3275-b หลังจากนั้นจะส่งไม้ต่อมายังกลุ่ม 2 ที่เดินทางจาก พิษณุโลก - แม่สอด - มะละแหม่ง เป็นระยะทางกว่า 411 กิโลเมตร และต่อจากเมืองมะละแหม่ง - ไปสิ้นสุดที่เมืองย่างกุ้งอีก 305 กิโลเมตร สรุประยะรวมของกลุ่ม 2 นั้นคิดเป็น 716 กิโลเมตร

ปิดท้ายด้วยกลุ่ม 3 ที่รับหน้าที่ขับต่อจากเมืองย่างกุ้ง กลับมายัง อำเภอแม่สอด คิดเป็นระยะทางกว่า 453 กิโลเมตร และต่อจากแม่สอด มาสิ้นสุดที่กรุงเทพมหานครอีก 480 กิโลเมตร รวมระยะทาง 933 กิโลเมตร

MP37-3275-c การเดินทางทั้งหมดนี้ใช้รถมาสด้าจำนวนกว่า 10 คัน โดยมีไฮไลต์คือเหล่าเครื่องยนต์สกายแอคทีฟที่ใส่เข้ามาในมาสด้า 2 ,มาสด้า 3 ,มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 3 และ มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 5 ซึ่ง“ฐานยานยนต์”ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ในกลุ่ม 2 ที่เริ่มตั้งแต่พิษณุโลกไปยังแม่สอด ไปสิ้นสุดที่มะละแหม่ง และมีพาหนะคู่กายในทริปนี้ ได้แก่ มาสด้า 3 และ มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 3

สำหรับมาสด้า 3 ใหม่ รูปลักษณ์ไม่ต้องพูดถึง ใครที่ชื่นชอบความสปอร์ต จะต้องรักในดีไซน์จากค่ายนี้ โดยตัวรถมีการพัฒนาตามหลัก จินบะ-อิตไต กล่าวคือ มีพื้นฐานมาจากปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง ส่วนสมรรถนะการตอบสนองต่างๆถือว่าดีเยี่ยม เพราะตลอดระยะทางกว่า 411 กิโลเมตร บนเส้นทางพิษณุโลกไปสุดชายแดนแม่สอดและเข้าไปยังเมียร์มาร์ จนถึงอ่าวเมาะตะมะ หรือมะละแหม่ง สภาพถนนที่เจอมีทั้งเขาสูง คดเคี้ยว มีการทำทางสร้างถนนกันเป็นระยะๆ ส่งผลให้แต่ละคันต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ และการใช้ความเร็วกันอย่างเหมาะสม แถมเส้นทางบางช่วงที่จะวิ่งเข้าไปยังมะละแหม่ง ยังมีแค่ 2 เลน ขรุขระ แต่มาสด้า 3 ใหม่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นรถที่นั่งสบายแม้จะเจอกับทุกสภาพถนน

MP37-3275-e ส่วนอีกหนึ่งคันที่นำพาจากเมืองมะละแหม่งไปยังย่างกุ้ง เป็นมาสด้า ซี-เอ็กซ์ 3 ใหม่ ซึ่งรูปร่างหน้าตาก็คล้ายคลึงกันตามสไตล์มาสด้า แต่อารมณ์ก็ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย จากเก๋งมาเป็นเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์ขนาดเล็กก็ว่ากันไป โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับ เทคโนโลยีG-Vectoring Control(GVC) หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะที่ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างนุ่มนวลและเปี่ยมประสิทธิภาพ ซึ่งซี-เอ็กซ์ 3 ทำหน้าที่ได้ดีไม่ต่างจากมาสด้า 3 โดยเฉพาะจากมะละแหม่งมายังย่างกุ้ง ที่สภาพถนน บวกกับสภาพอากาศในวันที่เดินทาง มีทั้ง แดด ลม ฝน และมีทั้งถนนแบบ 2 เลน 4 เลน ทั้งแบบถนนโล่งๆและชุมชนที่มีคนหนาแน่น แต่ซี-เอ็กซ์ 3 ก็นำพาทีมสื่อมวลชนปิดทริปของกลุ่ม 2 ได้อย่างสวยงาม และพร้อมส่งต่อไปยังกลุ่ม 3 ที่ขับกลับจากย่างกุ้งกลับมายังประเทศไทย

เรียกได้ว่า ฝูงสกายแอคทีฟจากค่ายมาสด้า ที่นำโดยน้องเล็กมาสด้า 2 และพี่ๆอย่างมาสด้า 3 ,ซี-เอ็กซ์ 3 ,ซี-เอ็กซ์ 5 ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สามารถนำพาสื่อมวลชนสัมผัสกับสมรรถนะของรถ และเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งทางด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จะมีผลต่อการเติบโตของประเทศในกลุ่มอาเซียนในอนาคต

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,275 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560