รถนำเข้าโอดเจอ 2 เด้ง ดีเอสไอฟิต!ทำยอดสะดุด วอนรัฐลดภาษีเหลือ30%

21 มิ.ย. 2560 | 09:00 น.
กลุ่มผู้นำเข้ารถยนต์อิสระผ่าทางตัน หลังถูกกระหนํ่า 2 เด้ง จากดีเอสไอบุกอายัดซูเปอร์คาร์ส่งผลภาพลักษณ์คนขายติดลบ ตลาดชะลอตัวและเดือนกันยายนยังโดนคิดภาษีสรรพสามิตจากราคาขายปลีกส่งให้รถแพงขึ้น ยื่นหนังสือถึงก.คลังขอลดภาษีนำเข้าจาก 80% เหลือ 30%

โดนไปทุกเด้งหลายดอกสำหรับกลุ่มผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ ทั้งวิธีคิดราคากลางเพื่อนำมาคำนวณภาษีแบบใหม่ ความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการรุกหนักจากเจ้าของแบรนด์/ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่นำรถเข้ามาเปิดตัวเร็วขึ้น และไม่รับบริการหลังการขายรถจากเกรย์มาร์เก็ตส่งผลให้ช่วง 5 ปีหลัง ทำธุรกิจยากจนผู้ประกอบการปิดตัวไปหลายราย

ตามข้อมูลจากสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ระบุว่า สถิติการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปของผู้นำเข้าอิสระ ในปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป รวม 20,776 ล้านบาท แต่ในปี 2557 จัดเก็บได้เพียง 9,730 ล้านบาทนั่นหมายถึงตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้หายไปมากกว่าครึ่งหรือจากผู้ประกอบการหลายร้อยราย แต่ปัจจุบันเหลือจริงๆไม่ถึง 100 ราย

นอกจากอุปสรรคต่างๆที่กล่าวมาแล้ว อัตราภาษีรถยนต์นำเข้าของไทยยังสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นนโยบายปกป้องธุรกิจรถยนต์ที่ประกอบในประเทศและรัฐบาลมองว่ารถนำเข้าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราภาษีระดับ200-300% (รวมภาษีนำเข้าภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทยและภาษีมูลค่าเพิ่ม) ถือเป็นช่องว่างที่ทำให้ผู้นำเข้าหาทางหลบเลี่ยงภาษี หรืออาจเปิดทางให้เจ้าหน้าที่รัฐแสวงหาผลประโยชน์ได้อีกด้วย

ล่าสุด สมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่นำโดย “สมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส” นายกสมาคม ได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลังให้พิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีใหม่ โดยขอให้ปรับอัตราอากรขาเข้าลงเหลือ30%(จาก 80%) แต่ยังคงอัตราภาษีของภาษีสรรพสามิตภาษีมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่มไว้เท่าเดิม และให้มีการสำแดงราคาตามความเป็นจริงในอัตราราคาสินค้า 100% ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ตํ่ากว่าราคาขายปลีกที่ปรากฏในเว็บไซต์ของประเทศผู้ผลิต

โดยแนวทางนี้ สมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่เชื่อว่า รัฐบาลจะมีประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ทั้งยังลดช่องว่างในการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่และความซับซ้อนของกฎหมายในการสำแดงราคาที่แท้จริงเพื่อลดปัญหาการประพฤติมิชอบและการทุจริตในระบบราชการ ขณะเดียวกันการที่ราคาขายที่ตํ่าลงจะเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ เงินในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค“สมาคมสนับสนุนให้สมาชิกปฏิบัติตามกฏหมายและต่อต้านพฤติกรรมการนำเข้ารถยนต์ที่ผิดกฎหมายเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและรักษาผลประโยชน์ทางภาษีแก่ประเทศชาติ ปัจจุบันสมาชิกของ

สมาคมประกอบด้วยผู้ประกอบการมากกว่า 60บริษัท ซึ่งชำระภาษีให้กับประเทศปีละกว่าหมื่นล้านบาท แต่จากการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ผ่านมา สมาคมได้รับผลกระทบจากอัตราที่สูงเกินจริงจึงต้องรวมตัวขอเสนอสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไข”นายสมศักดิ์ กล่าว

[caption id="attachment_164236" align="aligncenter" width="503"] รถนำเข้าโอดเจอ2เด้ง ดีเอสไอฟิต!ทำยอดสะดุด วอนรัฐลดภาษีเหลือ30% รถนำเข้าโอดเจอ2เด้ง ดีเอสไอฟิต!ทำยอดสะดุด วอนรัฐลดภาษีเหลือ30%[/caption]

ส่วนกรณีโดนหางเลขจากการบุกอายัดซูเปอร์คาร์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กำลังมะรุมมะตุ้มจนส่งผลกระทบด้านภาพลักษณ์ และลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อรถใหม่ออกไปก่อน

“ยอดขายรถนำเข้าปีนี้จะลดลง หรือเดิมคาดว่าจะทำได้ 4,000 คัน แต่หลังจากเกิดเหตุ อาจจะเหลือยอดขายแค่ 3,000 คัน” นายสมศักดิ์ กล่าวและว่า

ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 ตลาดยังพอไปได้แต่พอเกิดเหตุการณ์ซูเปอร์คาร์ ตลาดสะดุดไปเล็กน้อยซึ่งผู้ประกอบการเกิดความไม่แน่ใจหากจะสั่งรถเข้ามาสต๊อก เพราะไม่รู้ว่าจะถูกหรือผิด ซึ่งตอ้ งรอดูแนวทางหรือวิธีการหลังจากนี้ที่จะออกมาจากกรมศุลกากร นอกจากนั้นในเดือนกันยายนจะมีการคำนวณภาษีสรรพสามิตใหม่คาดว่าจะมีผลต่อราคาขายที่จะสูงขึ้นโดยปัจจัย ทั้งหมดล้วนทำให้ตลาดรถนำเข้าปีนี้ตัวเลขการขายจะลดลง

ด้านนางอัจฉรีย์ ตันติยันกุลผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีตั้นอิมปอร์ท กรุ๊ปฯ ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายนจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษีสรรพสามิตใหม่ จากเดิมจัดเก็บจากราคาซื้อเข้า ได้ปรับเป็นคำนวณจากราคาขาย ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาจำหน่ายรถปรับขึ้นมา อย่างไรก็ดีเงื่อนไขรายละเอียดปลีกย่อยหรือวิธีการยังไม่ออกมา ซึ่งผู้ประกอบการและสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ได้ประสานงานกับกรมสรรพสามิต และกำลังรอขั้นตอนต่างๆ ทั้งนี้เพื่อจะได้นำไปปรับแผนการตลาดในช่วงหลังจากนี้ได้

“ตามปกติการนำรถเข้ามาจำหน่ายจะใช้เวลาทั้งกระบวนการประมาณ 3 เดือนดังนั้นหากรายละเอียดหรือวิธีการที่กรมออกมาช้าก็จะส่งผลกระทบกับผู้ประการในการวางแผนงาน รวมไปถึงกระทบกับการจัดเก็บภาษีที่ล่าช้าด้วย” นางอัจฉรีย์กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,271 วันที่ 18 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560