‘ไทรอัมพ์’จัดทัพใหญ่ อัดอีเวนต์-เอื้อไฟแนนซ์ดันยอด2,800คัน

13 มิ.ย. 2560 | 03:00 น.
นับตั้งแต่บริษัทแม่ไทรอัมพ์เข้ามาทำตลาดด้วยตัวเองได้สร้างปรากฏการณ์ยอดจดทะเบียนทะลุเป้า จากปี2557 ที่มีตัวเลข 300 คันต่อมาในปี 2558 ทำได้ 1,500คัน และปี 2559 ปิดยอดที่2,433 คัน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมีอะไรเป็นปัจจัยสนับสนุน “จักรพงษ์ ศานติรัตน์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์(ไทยแลนด์) จำกัด จะมาเป็นผู้บอกเล่า รวมไปถึงแผนงานและเป้าหมายในอนาคตของไทรอัมพ์

**ความสำเร็จที่ผ่านมา
ไทรอัมพ์เข้ามาในไทยตั้งแต่ปี 2551 ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการบริษัท บริทไบค์ จำกัด ที่บริหาร โดย ดอม เหตระกูลหลังจากนั้นในปี 2557 บริษัทแม่เริ่มเห็นโอกาสทางการตลาด และมีการพูดคุยกับบริทไบค์ เพื่อจะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ต่อมาเดือนเมษายน 2558 บริษัทแม่ได้เริ่มเข้ามาเซตทีม พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนหลายประการรวมไปถึงราคาจำหน่ายที่ได้พูดคุยกับศุลกากร เรื่องการลดภาษีนำเข้า ทำให้ราคามอเตอร์ไซค์ของไทรอัมพ์ลดลง

โดยราคาที่ลดลงถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของไทรอัมพ์เติบโตนอกจากนั้นการมีโรงงานในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกนอกเหนือจากประเทศอังกฤษ มีส่วนที่ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์-ในตัวสินค้า ซึ่งโรงงานดังกล่าวเริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2545แต่เป็นการผลิตชิ้นส่วนกลับไปยังอังกฤษ แต่ปัจจุบันโรงงานมีการผลิตรถไทรอัมพ์เพื่อส่งออกไปทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วน 65-70% และที่เหลือเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

ปัจจุบันรถ 13 รุ่นที่จำหน่าย มีการผลิตจากโรงงานประเทศไทยทั้งหมดมีราคาเริ่มต้นคือ 3.95 แสนบาทในรุ่นสตรีท ทวิน และราคาสูงสุด 6.35 แสนบาทในรุ่นไทเกอร์ 800 และเมื่อแยกเซ็กเมนต์จะประกอบไปด้วย คลาสสิก, โรดสเตอร์เนกเกด, แอดเวนเจอร์ทัวริง ซึ่งสัดส่วนความนิยมกว่า 80% เป็นรถในกลุ่มคลาสสิก

[caption id="attachment_160274" align="aligncenter" width="503"] ‘ไทรอัมพ์’จัดทัพใหญ่ อัดอีเวนต์-เอื้อไฟแนนซ์ดันยอด2,800คัน ‘ไทรอัมพ์’จัดทัพใหญ่ อัดอีเวนต์-เอื้อไฟแนนซ์ดันยอด2,800คัน[/caption]

**แผนการตลาดปี 2560
ปีนี้จะนำเสนอกิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ และลูกค้าได้มีการพูดคุยและพบเจอกัน มีการเข้าร่วมอีเวนต์ใหญ่อาทิ มอเตอร์โชว์, มอเตอร์เอ็กซ์โป และให้ดีลเลอร์แต่ละรายจัดงานใหญ่ทุกไตรมาสขณะที่แผนงานด้านโปรดักต์จะสร้างการรับรู้เพิ่มในเซ็กเมนต์โรดสเตอร์ เนกเกดและแอดเวนเจอร์ ทัวริ่ง ส่วนโปรดักต์รุ่นใหม่คาดว่าจะเห็นปลายปี นอกจากนั้นโปรโมชันต่างๆจะเน้นจับมือกับสถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์ในการเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายขึ้น

**กลยุทธ์3Pของไทรอัมพ์
เราวางกลยุทธ์ 3 P ได้แก่ Product -ก่อนที่จะขายรถแต่ละรุ่น จะมีการสำรวจ-วิจัย ว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ, ชอบแบบไหน และผลิตรถในแบบที่ลูกค้าต้องการ ขับขี่แล้วมีความสุข เป็นรถที่ปลอดภัยและมีความสวยงาม หรือนิยามที่เราให้คือ “หล่อตอนขี่ ดูดีตอนจอด”

Place -หมายถึงโชว์รูมและศูนย์บริการ ปัจจุบันมีดีลเลอร์จำนวน 11 แห่งแบ่งออกเป็น กรุงเทพฯ 4 แห่งได้แก่ อาร์ซีเอ, ดอนเมือง,บางนา, พระราม 5 และต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่,พิษณุโลก ,ลพบุรี,ขอนแก่น,อุบลราชธานี, หาดใหญ่,ภูเก็ต และอยู่ในระหว่างก่อสร้างอีก 2 แห่งได้แก่พัทยา และเชียงราย คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ ส่วนต้นปีหน้าที่จะเปิดคือ โคราชและหัวหิน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเครือข่ายทั้งสิ้น 15 แห่งในปี 2561 โดยเครือข่ายโชว์รูมทั้งหมดจะมีการทำคอนเซ็ปต์ใหม่ คือ “ไทรอัมพ์ เวิลด์”

People -การสร้างคอมมิวนิตี โดยดีลเลอร์แต่ละแห่งจะจัดกิจกรรมกับลูกค้ามีการจัดทริป ,กิจกรรมขับขี่ทุกเดือน มีการอบรมเทรนนิ่งพนักงาน การบริการหลังการขายรถ

**ความพร้อมด้านอะไหล่
สำหรับการบริการด้านอะไหล่ เรามีการศึกษาตลาด เพื่อให้แข่งขันได้ โดยจะเข้ามาเซตสแตนดาร์ดใหม่ทั้งหมด โดยดีลเลอร์แต่ละแห่งจะมีการจัดสรรสต๊อกอะไหล่เพื่อป้อนให้กับลูกค้าทันที แต่หากเป็นชิ้นส่วนที่ต้องนำเข้ามาจากอังกฤษก็จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรของแบรนด์ไทรอัมพ์นั้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน

**เป้าหมายของไทรอัมพ์
ยอดจดทะเบียนตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2560 มีการเติบโต โดยเรามีส่วนแบ่งการตลาด 43% คาดว่าจนถึงสิ้นปีอัตราการเติบโตจะไปถึงระดับ 10%หรือประมาณ 2,700-2,800 คันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่จดทะเบียนจำนวน 2,433 คัน

**ประเมินตลาดบิ๊กไบค์
ตลาดบิ๊กไบค์ในไทยมีการแข่งขันสูงขึ้นในทุกมิติและมีแนวโน้มที่ดีต่อผู้บริโภคเพราะมีโปรดักต์มากมาย,มีแบรนด์หลายแบรนด์ในตลาด และแพ็กเกจข้อเสนอที่จูงใจถือเป็นตลาดของผู้บริโภคที่มีสิทธิเลือก โดยประเมินว่าตลาดบิ๊กไบค์ ขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 500 ซีซีเป็นต้นไป จะเติบโตประมาณ 10% หรือจำนวนกว่า 6,000 คัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,269 วันที่ 11 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560