กลิ่น....ใครคิดว่าไม่สำคัญ

17 พ.ค. 2560 | 13:00 น.
“กลิ่นคืออีกหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดเมื่อลูกค้าเลือกซื้อรถใหม่” แอนดี้ แพน วิศวกรผู้ดูแลห้องทดสอบกลิ่นของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิค กล่าว

การให้ความสำคัญกับ “กลิ่น” ทำให้ฟอร์ดได้ขยายห้องทดสอบกลิ่นประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ที่นานจิง ประเทศจีน อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีทีม “สุดยอดนักดมกลิ่น” 18 คน ที่ร่วมทำการทดสอบกลิ่นกว่า 300 กลิ่นต่อปี จากวัสดุ และส่วนประกอบต่างๆ ภายในรถยนต์ ที่จำหน่ายในเอเชีย แปซิฟิค ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆฟอร์ดก็มีการสร้างห้องทดสอบกลิ่นทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย แปซิฟิค ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่ารถฟอร์ดจะตรงใจลูกค้าทั่วโลก

วิธีในการทดสอบเรื่องกลิ่นนั้น จะใช้อุปกรณ์ ได้แก่ ขวดโหลแก้ว และตู้อบ โดยจะจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง และวัสดุจะถูกย่อจากขนาดจริงที่ใช้ในรถและนำไปใส่ในขวดโหล ก่อนนำเข้าตู้อบในอุณหภูมิ 3 ระดับ ได้แก่ 80, 40 และ 23 องศาเซลเซียส และผู้ทดสอบจะใส่น้ำลงไปในขวดโหลที่ใช้ในอุณหภูมิ 40 และ 23 องศา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น

“วัสดุที่ใช้ในรถจะต้องมีกลิ่นเหมือนเดิมในทุกสภาวะ แม้ว่าจะเป็นวันที่ร้อนมากก็ตาม ซึ่งการทดสอบในขั้นตอนพัฒนาจะช่วยให้เรานำสิ่งที่จะสร้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากตัวรถ เพื่อให้แน่ใจว่ารถที่ออกจากสายการผลิตจะมีกลิ่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าของเรา” แพน กล่าว

ส่วน“กลิ่นรถใหม่” ที่หลายคนคุ้นเคยนั้นเป็นที่นิยมในตลาดหลายแห่ง เช่น ออสเตรเลีย แต่ในจีน ผู้บริโภคกลับชื่นชอบกลิ่นอโรมาที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น จากผลการศึกษาเรื่องคุณภาพเบื้องต้นในจีนประจำปี 2559 ของ JD Power เกี่ยวกับปัญหาที่ได้รับการรายงานบ่อยที่สุดพบว่า คำร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นนั้นติดอันดับแรกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว

“หนังเป็นวัสดุที่ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากลูกค้าในแต่ละตลาดจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่าง ลูกค้าชาวจีนอาจจะไม่ชอบกลิ่นหนังใหม่ เราจึงต้องระมัดระวังในการเลือกวัสดุที่จะสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าทั่วโลก”แพน กล่าว

นอกจากการให้ความสำคัญเรื่องกลิ่นแล้ว คุณสมบัติของนักดมกลิ่น ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยจะต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่เป็นภูมิแพ้ หรือมีปัญหาด้านโพรงจมูก และ ไม่สามารถใส่น้ำหอม เสื้อหนัง หรือทาเล็บได้ และไม่ควรใช้ยาสระผมที่มีกลิ่นแรง เพื่อให้แน่ใจว่าประสาทรับกลิ่นของคุณจะคงที่และไม่ถูกบิดเบือน และในแต่ละปีนักดมกลิ่นจากฟอร์ดจะต้องมีการทดสอบคุณสมบัติใหม่ทุกปี เพื่อรักษาตำแหน่งไว้” ไมค์ เฟิง นักทดสอบกลิ่นที่ทำงานกับฟอร์ดมานาน 4 ปี กล่าว

“กลิ่นรถใหม่” ที่เราคุ้นเคยนั้นเป็นที่นิยมในตลาดหลายแห่ง เช่น ออสเตรเลีย แต่ในประเทศจีน ผู้บริโภคกลับชื่นชอบกลิ่นอโรมาที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น จากผลการศึกษาเรื่องคุณภาพเบื้องต้นในประเทศจีนประจำปี 2559 ของ JD Power (JD Power 2016 China Initial Quality Study) เกี่ยวกับปัญหาที่ได้รับการรายงานบ่อยที่สุดพบว่า คำร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นนั้นติดอันดับแรกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว

“หนังเป็นวัสดุที่ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากลูกค้าในแต่ละตลาดจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่าง ลูกค้าชาวจีนอาจจะไม่ชอบกลิ่นหนังใหม่ เราจึงต้องระมัดระวังในการเลือกวัสดุที่จะสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าทั่วโลก”แพน กล่าว

วิธีการทดสอบ มีการใช้อุปกรณ์ง่ายๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ได้แก่ ขวดโหลแก้ว และตู้อบ โดยนำขวดโหลแก้วเมสันขนาด 3 ลิตร ที่ใช้เก็บพาสต้าหรือถั่ว มาใช้เป็นอุปกรณ์ในการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริงโดยวัสดุจะถูกย่อจากขนาดจริงที่ใช้ในรถยนต์และนำไปใส่ในขวดโหล ก่อนนำไปเข้าตู้อบในอุณหภูมิ 3 ระดับ ได้แก่ 80, 40 และ 23 องศาเซลเซียส และผู้ทดสอบจะใส่น้ำลงไปในขวดโหลที่ใช้ในอุณหภูมิ 40 และ 23 องศา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น

“วัสดุที่ใช้ในรถจะต้องมีกลิ่นเหมือนเดิมในทุกสภาวะ แม้ว่าจะเป็นวันที่ร้อนมากก็ตาม ซึ่งการทดสอบในขั้นตอนพัฒนาจะช่วยให้เรานำสิ่งที่จะสร้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากตัวรถ เพื่อให้แน่ใจว่ารถที่ออกจากสายการผลิตจะมีกลิ่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าของเรา” แพน กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560