รถหรูจัดไฮบริดครบไลน์ อี-คลาส ซีรีส์5โฉมใหม่ปลั๊กอินCKD เล็งผุดรง.แบตรับภาษี
ค่ายรถยนต์หรู ตบเท้าเสริมทัพรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริดรุ่นประกอบในประเทศ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ส่ง E350e ส่วน “บีเอ็มดับเบิลยู” เล็งปล่อย “ซีรีส์5” 530e ปลายปี โดย 2 ค่ายเยอรมันยังมีแผนผุดโรงงานผลิตแบตเตอรี เพื่อรับสิทธิ์ส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลและภาษีสรรพสามิตรลดเหลือ 5% ขณะที่ “วอลโว่” ดัน S90 T8 Twin engine รุ่นประกอบมาเลเซีย คาดเปิดตัวไตรมาส3 ปีนี้
เมืองไทยเริ่มขยับปรับตัวเข้าสู่ยุคยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการนำของค่ายรถยนต์ยุโรปกับเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ซึ่งแนวทางนี้ชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2559 ที่เริ่มใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยคิดตามการปล่อยไอเสีย
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปรับไลน์อัพการขายโดยถอดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกไปแล้วแทนที่ด้วย รุ่นปลั๊กอินไฮบริดใน “ซี-คลาส” “เอส-คลาส” และเอสยูวี “จีแอลอี” ส่วน “อี-คลาส โฉมใหม่” ที่เปิดตัวปลายปีที่แล้ว โดยนำเข้ารุ่น CBU มาขายก่อน จากนั้นรอจังหวะรุ่นประกอบในประเทศขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จ.สมุทรปราการ พร้อมทำตลาดช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับรุ่น E220d ตัวถังซาลูน ราคา 3.399 - 3.999 ล้านบาท และเอสเตท 4.74 ล้านบาท
[caption id="attachment_143487" align="aligncenter" width="503"]
รถหรูจัดไฮบริดครบไลน์ อี-คลาส ซีรีส์5โฉมใหม่ปลั๊กอินCKD เล็งผุดรง.แบตรับภาษี[/caption]
ล่าสุด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมจัดงานเปิดตัว E350e รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริดในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ แบ่งเป็นสามรุ่นย่อยคือ E350e Avantgarde ,E350e Exclusive และ E350e AMG Dynamic
ทั้งนี้ อี-คลาส E350e จะเข้ามาอยู่ภายใต้ซับแบรนด์ “EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” (อีคิว – อีเลคทริค อินเทลลิเจนซ์ บาย เมอร์เซเดส-เบนซ์) และเป็นรุ่นล่าสุดในกลุ่ม Contemporary Luxury Sedan ที่มาพร้อมระบบปลั๊ก-อินไฮบริด ต่อจากซี-คลาส และเอส-คลาส
โดย E350e จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.2 วินาที และการชาร์จแบตเตอรีเต็มหนึ่งครั้งรถสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ระยะทาง 30 กม. ขณะที่อัตราการปล่อย CO2 มีค่าเฉลี่ย 49-57 กรัม/กม.
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังส่งตัวแทนคุยกับรัฐบาลไทยถึงการลงทุนระลอกใหม่กับเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมีรายงานว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงเพื่อนร่วมชาติ บีเอ็มดับเบิลยู ต่างสนใจสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรีในเมืองไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล รวมถึงสิทธิพิเศษลดภาษีสรรพสามิตลง 50% จากอัตราปัจจุบัน หรือปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกม.จะเสียสรรพสามิตเพียง 5% (จาก 10%) หากเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ใช้แบตเตอรีจากโรงงานผลิตที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ
ฝั่งบีเอ็มดับเบิลยูที่เพิ่งเปิดตัว “ซีรีส์7 ปลั๊ก-อินไฮบริด” 740Le xDrive Pure Excellence รุ่นประกอบในประเทศ ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยราคา 6.699 ล้านบาท ทำให้ในปัจจุบันมีรถยนต์ลูกผสมเสียบปลั๊กชาร์จไฟรวม 3 รุ่นคือ “ซีรีส์7” “ซีรีส์3” และ “เอ็กซ์5” และกำลังรอการเติมเต็มด้วย “ซีรีส์5” รหัสตัวถึง G30 ที่เพิ่งเปิดตัวไปรุ่นนำเข้าทั้งคันไปสดๆร้อน
โดยคาดว่า “ซีรีส์5” รุ่นประกอบในประเทศและรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด 530i จะเสริมทัพตามมาไม่เกินปลายปีนี้ โดยเทคโนโลยี “ปลั๊ก-อินไฮบริด” i-Performance เป็นชุดเดียวกับที่ใช้ใน “ซีรีส์7” แต่ถูกปรับจูนประสิทธิผลให้ต่างกันเล็กน้อยตามขนาดตัวถัง-น้ำหนัก เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน
ปิดท้ายด้วยวอลโว่กับรถยนต์พิกัดเดียวกันอย่าง “เอส90” น่าจะเริ่มทำตลาดรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด หรือ T8 Twin engine ที่นำเข้ามาจากโรงงานประเทศมาเลเซีย ประมาณไตรมาส3 ปีนี้ ถือเป็นโมเดลที่สองต่อจาก เอสยูวีรุ่นธง เอ็กซ์-ซี90
….ถือเป็นสังเวียนเดือดในกลุ่มรถหรู ที่หันมาสู้กันด้วยเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ทั้ง อี-คลาส ซีรีส์5 และตัวสอดแทรกอย่าง เอส90 แถมยังทำราคาได้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,256 วันที่ 27 - 29 เมษายน พ.ศ. 2560
เมืองไทยเริ่มขยับปรับตัวเข้าสู่ยุคยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการนำของค่ายรถยนต์ยุโรปกับเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ซึ่งแนวทางนี้ชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2559 ที่เริ่มใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยคิดตามการปล่อยไอเสีย
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปรับไลน์อัพการขายโดยถอดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกไปแล้วแทนที่ด้วย รุ่นปลั๊กอินไฮบริดใน “ซี-คลาส” “เอส-คลาส” และเอสยูวี “จีแอลอี” ส่วน “อี-คลาส โฉมใหม่” ที่เปิดตัวปลายปีที่แล้ว โดยนำเข้ารุ่น CBU มาขายก่อน จากนั้นรอจังหวะรุ่นประกอบในประเทศขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จ.สมุทรปราการ พร้อมทำตลาดช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับรุ่น E220d ตัวถังซาลูน ราคา 3.399 - 3.999 ล้านบาท และเอสเตท 4.74 ล้านบาท
[caption id="attachment_143487" align="aligncenter" width="503"]
ล่าสุด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมจัดงานเปิดตัว E350e รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริดในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ แบ่งเป็นสามรุ่นย่อยคือ E350e Avantgarde ,E350e Exclusive และ E350e AMG Dynamic
ทั้งนี้ อี-คลาส E350e จะเข้ามาอยู่ภายใต้ซับแบรนด์ “EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” (อีคิว – อีเลคทริค อินเทลลิเจนซ์ บาย เมอร์เซเดส-เบนซ์) และเป็นรุ่นล่าสุดในกลุ่ม Contemporary Luxury Sedan ที่มาพร้อมระบบปลั๊ก-อินไฮบริด ต่อจากซี-คลาส และเอส-คลาส
โดย E350e จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.2 วินาที และการชาร์จแบตเตอรีเต็มหนึ่งครั้งรถสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ระยะทาง 30 กม. ขณะที่อัตราการปล่อย CO2 มีค่าเฉลี่ย 49-57 กรัม/กม.
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังส่งตัวแทนคุยกับรัฐบาลไทยถึงการลงทุนระลอกใหม่กับเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมีรายงานว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงเพื่อนร่วมชาติ บีเอ็มดับเบิลยู ต่างสนใจสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรีในเมืองไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล รวมถึงสิทธิพิเศษลดภาษีสรรพสามิตลง 50% จากอัตราปัจจุบัน หรือปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกม.จะเสียสรรพสามิตเพียง 5% (จาก 10%) หากเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ใช้แบตเตอรีจากโรงงานผลิตที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ
ฝั่งบีเอ็มดับเบิลยูที่เพิ่งเปิดตัว “ซีรีส์7 ปลั๊ก-อินไฮบริด” 740Le xDrive Pure Excellence รุ่นประกอบในประเทศ ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยราคา 6.699 ล้านบาท ทำให้ในปัจจุบันมีรถยนต์ลูกผสมเสียบปลั๊กชาร์จไฟรวม 3 รุ่นคือ “ซีรีส์7” “ซีรีส์3” และ “เอ็กซ์5” และกำลังรอการเติมเต็มด้วย “ซีรีส์5” รหัสตัวถึง G30 ที่เพิ่งเปิดตัวไปรุ่นนำเข้าทั้งคันไปสดๆร้อน
โดยคาดว่า “ซีรีส์5” รุ่นประกอบในประเทศและรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด 530i จะเสริมทัพตามมาไม่เกินปลายปีนี้ โดยเทคโนโลยี “ปลั๊ก-อินไฮบริด” i-Performance เป็นชุดเดียวกับที่ใช้ใน “ซีรีส์7” แต่ถูกปรับจูนประสิทธิผลให้ต่างกันเล็กน้อยตามขนาดตัวถัง-น้ำหนัก เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน
ปิดท้ายด้วยวอลโว่กับรถยนต์พิกัดเดียวกันอย่าง “เอส90” น่าจะเริ่มทำตลาดรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด หรือ T8 Twin engine ที่นำเข้ามาจากโรงงานประเทศมาเลเซีย ประมาณไตรมาส3 ปีนี้ ถือเป็นโมเดลที่สองต่อจาก เอสยูวีรุ่นธง เอ็กซ์-ซี90
….ถือเป็นสังเวียนเดือดในกลุ่มรถหรู ที่หันมาสู้กันด้วยเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ทั้ง อี-คลาส ซีรีส์5 และตัวสอดแทรกอย่าง เอส90 แถมยังทำราคาได้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,256 วันที่ 27 - 29 เมษายน พ.ศ. 2560