ต้อนรับน้องใหม่ 'โน๊ต' เปรียบมวยคู่แข่ง

25 ม.ค. 2560 | 06:00 น.
สงครามในกลุ่มอีโคคาร์เตรียมระเบิดศึกยก 2 เพราะเจ้าใหญ่ที่ลุยรายแรกอย่าง“นิสสัน” ส่งโมเดลที่สามอย่าง “โน๊ต” ลุยตลาด หรือเข้ามาผนึกกำลังกับ “มาร์ช”(เปิดตัวปี 2553 ) และ“อัลเมร่า” (ปี 2554) ซึ่ง 2รุ่นนี้สร้างยอดขายสะสมรวมกันเกิน 2.6 แสนคัน

“โน๊ต” มีจุดเด่นอะไรบ้าง? และเมื่อเทียบกับอีโคคาร์ตัวถังแฮตช์แบ็กคู่แข่งทั้ง โตโยต้า ยาริส มาสด้า2 (เครื่องยนต์เบนซิน) และซูซูกิ สวิฟท์... “ฐานฯยานยนต์” ลองนำมาเปรียบมวยเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อรถคันต่อไป
เริ่มจากขนาดตัวถัง แม้ยาริสจะยาวที่สุดแต่ระยะฐานล้อกลับเป็นโน้ตที่ยาวกว่า 50 มม. เช่นเดียวกับความสูง ซึ่งตัวเลขตรงนี้สะท้อนพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร ส่วนความอเนกประสงค์นั้น อีโคคาร์ทุกรุ่น (ที่นำมาเปรียบเทียบ) ออกแบบเบาะนั่งด้านหลังให้พับได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้เป็นอย่างดี

ในรุ่นท็อปโน๊ตใช้ไฟหน้าแบบLED ควบคุมลำแสงด้วยโปรเจ็กเตอร์เลนส์ ซึ่งเป็นรุ่นเดียวในกลุ่มนี้ที่ให้มา (มาสด้า 2 มีในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล) สำหรับภายในโน๊ตและมาสด้า2 แผงคอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมชุดเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อต่างๆ ส่วนยาริสและสวิฟท์เป็นฟอนต์แบบบิวต์อินธรรมดา ขณะที่ทุกรุ่นมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและรับสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย ตลอดจนระบบ Push Start ,Smart Entry

ส่วนระบบความปลอดภัยทั้ง โน๊ต ยาริส มาสด้า2 และสวิฟท์ จัด ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA มาเป็นมาตรฐานทุกรุ่น ส่วนมาสด้า2 กับนิสสัน โน๊ต เพิ่มระบบควบคุมการทรงตัว และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันมาให้

อย่างไรก็ตาม ด้วยการเป็นรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวมาหลังสุด นิสสันจึงสร้างจุดขายด้านระบบความปลอดภัยอัจฉริยะให้โน๊ต โดยตัวท็อปเกรด VL จะใส่ระบบ Around View Monitor (AVM) กล้องมองภาพรอบทิศทาง และ Forward Collision Warning (FCW) ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า รวมถึง Emergency Braking ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ และ Lane Departure Warning ระบบเตือนเมื่อขับรถออกนอกช่องทางวิ่ง

ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อมล้ออัลลอย 15 นิ้ว จัดมาในรุ่นท็อปของทุกโมเดล มีเพียงสวิฟท์ที่ใช้ล้อัลลอย 16 นิ้ว ประกบยาง 185/55R16 ส่วนรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดคือ มาสด้า2 ที่ 4.7 เมตร ถัดมาคือ ยาริส 5.1 เมตร ส่วนโน๊ตและสวิฟท์(ตัวท็อป) เท่ากันที่ 5.2 เมตร

ด้านสมรรถนะเมื่อวัดพิกัดกลมๆ ยาริส กับ สวิฟท์ วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร ส่วนมาสด้า 2 ขนาด 1.3 ลิตร ขณะที่โน๊ตเป็นบล็อกเดียวกับมาร์ช คือ 3 สูบ 1.2 ลิตร โดยตัวเลขแรงม้ามากสุดคือ มาสด้า2 ที่ 93 แรงม้า ส่วนระบบส่งกำลัง ล้วนเป็นเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ยกเว้นมาสด้า2 ใช้แบบอัตโนมัติ 6 สปีด(แต่ซูซูกิ สวิฟท์ ยังมีเกียร์ธรรมดาเป็นทางเลือก)

ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมันถ้ายึดตามข้อกำหนดของรัฐบาล มาสด้า 2 ประหยัดที่สุดคือ 23.25 กม./ลิตร(อีโคคาร์เฟสสอง) ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่เป็นอีโคคาร์เฟสแรกจึงมีตัวเลข 20 กม./ลิตรต้นๆ ซึ่งการขับใช้ในชีวิตประจำวันทำได้ประมาณ 16-17 กม./ลิตรก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว

...ทั้งหมดเป็นข้อมูลเปรียบเทียบเบื้องต้นของอีโคคาร์แฮตช์แบ็ก โดยเน้นเฉพาะรุ่นที่ตีตั๋วเด็กหรือนำบีคาร์มาทำอีโคคาร์ ส่วนการมาของ “โน๊ต” แม้จะผิดความคาดหมายที่ยังไม่ไปถึงอีโคคาร์เฟส 2 แต่ด้วยความสดใหม่และราคาเกาะกลุ่มคู่แข่ง น่าจะปลุกการแข่งขันรถยนต์กลุ่มนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,229 วันที่ 22 - 25 มกราคม 2560