ใช้บี3ทุบราคาไบโอดีเซลทรุดฮวบโรงงาน12แห่งกำลังผลิตเหลือแค่25%

26 ส.ค. 2559 | 06:00 น.
สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย" หวั่นราคาบี100 ลงแรงเหลือ 26 บาทต่อลิตร หลังกระทรวงพลังงานยืนยันนโยบายบี3 เริ่มบังคับใช้วันที่ 25 ส.ค.นี้ ชี้โรงงานผลิต 12 แห่งกระทบหนัก เหลือเดินเครื่องเฉลี่ยเพียง 25% เหตุความต้องการใช้เพียง 1 ล้านลิตรต่อวัน จากเดิม 4-5 ล้านลิตรต่อวัน ลุ้นที่ประชุมคณะอนุกรรมการปาล์มฯเร่งหารือแนวทางแก้ไขปัญหาพยุงราคา

นายศาณินทร์ ตริยานนท์ กรรมการบริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ในฐานะนายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภายหลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) คงมติการใช้ไบโอดีเซลหรือบี 100 ผสมในน้ำมันดีเซลสัดส่วน 3 % หรือบี 3 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไปนั้น ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี100 ลดลง จากเดิมใช้อยู่ที่ 5% ลดลงเหลือเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อราคาบี100 อย่างแน่นอน จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร คาดว่าจะปรับตัวแรงลดลงเหลือ 26 บาทต่อลิตร แต่หากมองในแง่ดีราคาอาจจะยังทรงตัวที่ระดับ 30-32 บาทต่อลิตร

โดยสมาคมเชื่อว่าภายหลังจากประกาศใช้บี3 แล้ว ภาครัฐจะติดตามสถานการณ์ปาล์มอย่างใกล้ชิด เพราะหากส่งผลกระทบต่อราคารุนแรง ภาครัฐจะต้องมีนโยบายรับซื้อปาล์ม เพื่อพยุงราคาน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) ไม่ให้ต่ำจนเกินไป นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ ทางคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด จะมีการประชุมเพื่อตรวจสอบปริมาณสต๊อกซีพีโอ ราคา และพิจารณาความเหมาะสมด้านสัดส่วนการผสมบี100 ต่อไป

อย่างไรก็ตาม สมาคมและตัวแทนเกษตรกร ยังไม่มีการร่วมกลุ่มในช่วงนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวแล้ว ซึ่งภาครัฐยืนยันที่จะหามาตรการช่วยเหลือ ขณะเดียวกันจะต้องติดตามสถานการณ์ปาล์มก่อนว่า ภายหลังจากจากประกาศใช้บี3 แล้ว จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันบี100 อย่างไร รุนแรงหรือไม่ รวมทั้งหากพบว่าปริมาณสต๊อกซีพีโออยู่ในระดับปกติและมีปริมาณผลิตผลิตปาล์มเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ภาครัฐควรปรับมาเป็นบี 5-บี 7 ทันทีเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว

ส่วนกรณีของโรงงานผลิตบี100 ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 แห่ง กำลังการผลิตรวม 6 ล้านลิตรต่อวัน โดยในช่วงที่เป็นบี 7 จะมีความต้องการใช้บี100 อยู่ที่ 4-5 ล้านลิตรต่อวัน หลังจากนั้นรัฐก็ประกาศลดสัดส่วนผสมเป็นบี 5 และล่าสุดก็ปรับลดลงมาเป็นบี3 ส่งผลให้ผู้ผลิตบี100 ได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากมีความต้องการใช้บี100 เพียง 1 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น เท่ากับว่าโรงงานจะมีอัตราการเดินเครื่องผลิตเพียง 25% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

"สมาคมและเกษตรกรคงต้องรอดูภายหลังจากปรับสัดส่วนการผสมเป็นบี3 ก่อนว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาบี100 มากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าหากราคาลงแรงภาครัฐจะมีมาตรการเข้ามาช่วยพยุงราคา ขณะที่โรงงานผู้ผลิตบี100 กระทบแน่นอน เพราะความต้องการหายไปมาก ทำให้การผลิตลดลงด้วย หากเป็นสถานการณ์ระยะสั้นๆ ก็พออยู่ได้ แต่หากระยะยาวคงไม่คุ้มค่าที่จะผลิตต่อไป ดังนั้นหากภาครัฐเห็นว่าปริมาณผลผลิตเข้ามามากขึ้น และสต๊อกอยู่ในระดับปกติก็ควรปรับเป็นบี5-บี7 ทันที"นายศาณินทร์ กล่าว

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) และในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบง. รับทราบรายงานการประกาศใช้ไบโอดีเซลบี3 ที่จะเริ่มในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ โดยยืนยันว่ายังคงใช้ประกาศดังกล่าวต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้เกษตรกรจะเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานยกเลิกประกาศบี3 และกลับมาใช้บี5 เหมือนเดิมก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสต๊อกน้ำมันปาล์มว่าอยู่ที่ 2 แสนตัน จากปริมาณสต๊อกปกติที่ประเทศควรมี 2-2.5 แสนตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่จะสามารถรักษาระดับราคาน้ำมันปาล์มในประเทศให้อยู่ภาวะที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวมถึงกระทรวงพาณิชย์จะเร่งตรวจสต็อกปาล์มน้ำมันให้ถี่ขึ้นจากเดิมตรวจเดือนละครั้ง จะเปลี่ยนเป็นตรวจ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อดูปริมาณน้ำมันปาล์มที่จะเข้าสู่ระบบในเร็วๆนี้ ให้เกิดภาวะสมดุลทั้งด้านปริมาณและราคาต่อไป

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยอมรับว่าเกิดการผันผวนมาก โดยสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันช่วงก่อนสัปดาห์นี้พบว่าได้ปรับลดลง 4 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งเท่ากับเป็นการดีดตัวกลับ แต่ยืนยันว่าราคาน้ำมันยังไม่น่าห่วง เพราะราคาน้ำมันดีเซลยังอยู่ระดับ 24.19 บาทต่อลิตร ยังไม่จำเป็นต้องนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปพยุงราคาแต่อย่างใด ทั้งนี้ภาวะผันผวนของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามกลไกตลาดโลก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,186 วันที่ 25 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559