KTAMชูกองตราสารหนี้เด่น โชว์ฝีมือลงทุน 4 เดือนผลตอบแทน 4.71% RMF ทำได้ 4.93%

09 พ.ค. 2559 | 10:30 น.
บลจ.กรุงไทยฯ มองความต้องการลงทุนในตราสารหนี้พุ่ง ทั้งหุ้นกู้เอกชน พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงิน หลังเศรษฐกิจโลกเผชิญปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น เปิดโปรดักต์ภายใต้การบริหาร กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ พลัส 5 เดือนทำผลตอบแทนพุ่ง 4.71% ต่อปี กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ทำได้ 4.93% เทียบเงินฝาก 1 ปี ดอกต่ำเตี้ย 1.37%

[caption id="attachment_51269" align="aligncenter" width="700"] ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย[/caption]

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดตราสารหนี้ในปีนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกที่เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมีมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพคล่องในระบบการเงินทั่วโลกรวมถึงตลาดการเงินไทย ที่มีอยู่ในปริมาณสูง ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ไทย เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินธนาคาร จึงปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ตราสารหนี้ออกใหม่ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนมีน้อยกว่าความต้องการ

ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทยฯ คาดว่าดอกเบี้ยในประเทศจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง เศรษฐกิจอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวแต่มีความเปราะบางและความไม่แน่นอนสูง การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น หรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และในปีนี้ กองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กรุงไทยฯ มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ในกลุ่มกองทุนประเภทตราสารหนี้ จากการจัดอันดับของมอร์นิ่งสตาร์

โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 29 เมษายน 2559 (YTD) กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ พลัส (KTDF) อยู่ที่ 4.71% กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF2) อยู่ที่ 4.93% หากเทียบกับเงินฝาก1 ปี อยู่ที่ 1.37% กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะ 1 ถึง3 ปี ( KTFIX-1Y3Y) ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.08% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.79% และกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ พลัส(KTPLUS) ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.72% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.82%

นางชวินดา กล่าวว่า กองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กรุงไทยฯ มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยKTPLUS เป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อายุเฉลี่ยพอร์ตลงทุนไม่เกิน 1 ปี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการบริหารสภาพคล่องและพักเงินระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน กองทุน KTFIX-1Y3Y มีเป้าหมายเน้นบริหารเชิงรุกและสร้างผลตอบแทนรวมระยะ 1 - 3 ปี ให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

กองทุน KTDF เน้นบริหารเชิงรุก ลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ มีเป้าหมายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และ RMF2 เน้นลงทุนเชิงรุกในตราสารหนี้ในประเทศ (Active Bond Strategy) เพื่อสร้างผลตอบแทนในรูปของการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิและสร้างกระแสเงินสดแก่ผู้ถือหน่วยในระยะกลาง-ยาวอย่างสม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ในการหักลดหย่อนภาษี

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน (ยีลด์) พันธบัตรรัฐบาลพบว่าไตรมาสแรก ยีลด์ของตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลาง (อายุคงเหลือน้อยกว่า 5ปี) ปรับตัวลดลงในช่วง 0.12-0.36%

ในขณะทียีลด์ของตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป) ปรับตัวลงในช่วง 0.73-0.89 % เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน โดยยีลด์อายุ 10 ปี ปรับลดลงไปอยู่ที่ 1.53% เมื่อวันที่ 5 เมษายน2559 ถือเป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น และยุโรป ประกอบกับแนวโน้มการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และความต้องการของตราสารหนี้ที่ค่อนข้างสูงจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ

ส่วนทิศทางอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในช่วงที่เหลือของปี 2559คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นมีแนวโน้มทรงตัวตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย โดยมีโอกาสแกว่งตัวลดลงได้เล็กน้อยจากอุปสงค์ที่ค่อนข้างสูงในตลาดตราสารหนี้ ขณะที่ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี มีโอกาสปรับลดลงได้อีกไม่มากเนื่องจากอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ตํ่ามากเป็นประวัติการณ์ น่าจะเป็นระดับที่ตํ่าที่สุดแล้ว จึงมีโอกาสทยอยปรับขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีหากเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวจากการกระตุ้นการลงทุนภาครัฐ และเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559