รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการคุมไวรัสโควิด-19 จากทางภาครัฐที่ประกาศออกมาในสัปดาห์ก่อนถือเป็นบวกเล็กน้อย เนื่องจากคาดผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่สูงมาก โดยมาตรการที่ออกมาได้แก่ พื้นที่สีแดงราว 18 จังหวัด ร้านอาหารรับทั้งหมดรับประทานได้ถึง 21.00 น. ร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงกำหนดเวลาเปิดปิดที่ 04.00 – 23.00 น., พื้นที่สีส้มราว 59 จังหวัด ร้านอาหารรับประทานได้ถึง 23.00 น. ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ 24 ชั่วโมง ส่วนศูนย์การค้าทั้งประเทศกำหนดปิดภายใน 21.00 น. ส่วนเครื่องดื่มมึนเมาในร้านอาหารงดขายทุกกรณี พร้อมย้ำชัดเจนไม่มีเคอร์ฟิว หรือ Lock Down ทั้งนี้ มอง BJC, CENTEL, CPALL, CRC, M และ MINT รับผลกระทบบ้าง
ขณะที่ เรื่องของมาตรการควบคุมเชื่อตลาดจะผ่อนคลายลงได้ ดังนั้นทิศทางตลาดจากนี้จึงขึ้นกับตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขล่าสุดยังไม่ดีเท่าไรนัก All time high ที่ 1,767 ราย จึงต้องจับตาใกล้ชิดกับตัวเลข หากยังเร่งขึ้นต่อเนื่อง ตลาดจะกังวลไปถึงมาตรการเพิ่มความเข้มงวดที่สูงขึ้นจากเดิมเสี่ยงต่อ Downside กำไรบจ.
สำหรับปัจจัยกระทบการลงทุนสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2564, ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวัน แนะนำให้ติดตามตัวเลขจาก ศบค. โดยสัญญาณบวกคือไม่ทำ All time high หรือลดลง แต่หากยังทำ All time high จะถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อดัชนีหุ้นไทย และตัวเลขการค้าระหว่างประเทศประจำเดือนมีนาคม ซึ่ง Bloomberg คาดมูลค่าส่งออก -1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนนำเข้า +5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากดีกว่าคาด มองเป็นบวกต่อการลงทุน
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุน การเก็งกำไรรายสัปดาห์ยังคงเน้นหุ้นกำไรไตรมาสแรก ปี 2564 เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2564 ยังดีต่อและผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จำกัด อาทิ ปิโตรเคมี (IVL PTTGC SCC) เดินเรือ (PSL TTA) รับเหมาก่อสร้าง (STEC) รวมไปถึงได้ประโยชน์จากไวรัสโควิด-19 ถุงมือยาง (STA STGT) การ Work From home (DELTA COM7 HANA SYNEX) ส่วนการทยอยสะสมมองว่ารอให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อส่งสัญญาณเชิงบวกมากกว่านี้ก่อนค่อยเริ่มพิจารณาอีกครั้ง