อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ “แข็งค่า” ที่ระดับ 31.20 บาท/ดอลลาร์

19 เม.ย. 2564 | 00:47 น.

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแนวโน้มมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ ตามโฟลว์จ่ายปันผลสัปดาห์นี้ แนะจับตา 3ปัจจัย “ทิศทางเงินดอลลาร์-สถานการณ์ระบาดของโควิด-19ในไทยและแรงซื้อสกุลเงินต่างประเทศ”

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแนวโน้มมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ ตามโฟลว์จ่ายปันผลสัปดาห์นี้ แนะจับตา 3ปัจจัย “ทิศทางเงินดอลลาร์-สถานการณ์ระบาดของโควิด-19ในไทยและแรงซื้อสกุลเงินต่างประเทศ” อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ “แข็งค่า” ที่ระดับ  31.20 บาท/ดอลลาร์จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31.23 บาทต่อดอลลาร์ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.15 - 31.30 บาท/ดอลลาร์

 

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง นำโดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน

ในสัปดาห์นี้ ควรจับตาสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก รวมถึง การพิจารณาอนุมัติใช้วัคซีน AstraZenecca และ Johnson&Johnson ที่คาดว่าจะได้บทสรุปช่วงสุดสัปดาห์

ทั้งนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ โดยในฝั่งสหรัฐฯ – การเร่งแจกจ่ายวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวแข็งแกร่ง สะท้อนผ่าน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและการบริการ (Markit Manufacturing & Services PMIs) เดือนเมษายนที่ยังคงปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60 จุด และ 61 จุด ตามลำดับ (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัวของภาคการผลิตหรือการบริการ) ขณะเดียวกันยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ (Initial Jobless Claims) ก็มีแนวโน้มจะลดลงสู่ระดับ 5.5 แสนราย สะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่ดีขึ้น นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ตลาดจะจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อาทิ Netflix และ Intel เป็นต้น ซึ่งผลประกอบการที่ดีกว่าคาดและมีแนวโน้มเติบโตที่ดีจะช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

 

ฝั่งยุโรป – ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อช่วยประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป โดย ECB จะคงอัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate ไว้ที่ระดับ -0.50% พร้อมกับเดินหน้าอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินผ่านการซื้อสินทรัพย์ (คิวอี) ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปอาจจะไม่ได้สะดุดลงจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 หลัง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและการบริการ (Markit Manufacturing & Services PMIs) เดือนเมษายน จะทรงตัวที่ระดับ 62.2 จุด และ 49.9 จุด ตามลำดับ

 

ทางด้านฝั่งเอเชีย – การฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงได้รับแรงหนุนจากยอดการส่งออก (Exports) ในเดือนมีนาคมที่จะโตกว่า 11% จากปีก่อนหน้า ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย เริ่มสะดุดลงจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (7D Reverse Repo) ที่ระดับ 3.50% และส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยหากจำเป็น เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนในฝั่งจีน เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) สามารถคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Loan Prime Rate) อายุ 1 ปี และ 5 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% และ 4.65% ได้ ตามลำดับ

และในฝั่งไทย – แม้ว่า ยอดการส่งออกในเดือนมีนาคมจะหดตัวราว 1.5% จากปีก่อน และยอดนำเข้าอาจโตกว่า 5% ทว่า ดุลการค้ายังมีโอกาสที่จะเกินดุลกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดีขึ้นจากเดือนก่อนที่เกินดุลเพียง 7 ล้านดอลลาร์

แนวโน้มค่าเงินบาท ควรจับตา 3 ประเด็นหลัก 1. ทิศทางเงินดอลลาร์ โดย เราคาดว่า เงินดอลลาร์อาจทรงตัวหรืออ่อนค่าลง หากสถานการณ์การระบาดในสหรัฐฯ ไม่ได้เลวร้ายลง นอกจากนี้ การอนุมัติใช้วัคซีน AZ, J&J อีกครั้งจะยิ่งช่วยเร่งการแจกจ่ายวัคซีนและหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งภาพดังกล่าวจะลดความน่าสนใจของสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง เงินดอลลาร์ 2. สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในไทย โดยเราประเมินว่า เงินบาทอาจผันผวนสูงขึ้นและเคลื่อนไหวสวนทางเงินดอลลาร์ หากตลาดกังวลการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในไทย ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และ 3. แรงซื้อสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเราคาดว่าจะมีโฟลว์จ่ายปันผลในสัปดาห์นี้ ไม่น้อยกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ ตามโฟลว์จ่ายปันผลดังกล่าว

มองกรอบเงินบาท สัปดาห์นี้ที่ระดับ 31.05 - 31.55 บาท/ดอลลาร์

 

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเช้านี้ (19 เม.ย.) เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ แนว 31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเคลื่อนไหวในช่วงประมาณ 31.18-31.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเปิดตลาดในช่วงเช้า เทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศที่ 31.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเป็นไปอย่างปกติ แม้รายงานประเมินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน จะยังคงไทยอยู่ใน monitoring list ต่อเนื่องในรายงานรอบล่าสุดนี้ ขณะที่ภาพรวมทิศทางเงินดอลลาร์ฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ยังทรงตัว โดยปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวยังคงเป็นบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ยังอยู่ต่ำกว่าแนว 1.60%
 
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 31.10-31.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์และมาตรการดูแลโควิด 19 ในประเทศ