"ทริส"คาดศก.ไทยปี64 โต 2.6% แรงหนุนจาก ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ  

26 ก.พ. 2564 | 02:39 น.

ทริสเรทติ้ง คาดศก.ไทยจะกลับมาขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 2  เร็วช้าขึ้นกับการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยปีนี้ที่ 4 ล้านคน  มาตรการเยียวยาของภาครัฐโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง และความหวังจากวัคซีนโควิด หนุนจีดีพีปี 64 โต 2.6% ส่วนส่งออกยังมีข้อจำกัดจาก"บาทแข็ง"

 

ทริสเรทติ้ง คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ระดับ 2.6% โดยฟื้นจากการหดตัวที่ระดับ 6.1% ในปี 2563 ซึ่งหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 ที่หดตัวในระดับ 7.6% โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่กลับมาระบาดรอบใหม่ได้สร้างอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มเห็นสัญญาณบ้างแล้วอีกครั้งโดยเน้นย้ำให้เห็นถึงปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศในระยะใกล้ 

การกลับมาระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด 19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วกว่าการระบาดในรอบแรกเป็นอย่างมากซึ่งวัดจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน อย่างไรก็ตาม ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เริ่มมีแนวโน้มลดลงอันเป็นผลมาจากการเร่งใช้มาตรการเชิงรุกของภาครัฐ อีกทั้งอัตราการเสียชีวิตจากการระบาดรอบใหม่ก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ารอบแรกเป็นอย่างมากทั้ง ๆ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 

ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานว่ามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะสามารถลดและควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศต่อวันไม่ให้กลับมาเพิ่มขึ้นได้อย่างมีเสถียรภาพได้ภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และรัฐบาลจะสามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มที่ โดยทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาขยายตัวได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 

 

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์การระบาดที่จะคลี่คลายลงตามจำนวนประเทศและการเข้าถึงวัคซีนที่จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าประสิทธิภาพในการใช้วัคซีนทั่วโลกจะส่งผลให้รัฐบาลไทยสามารถผ่อนคลายมาตรการกักตัวผู้เดินทางที่มาจากต่างประเทศได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้าในประเทศไทยในปี 2564 จะอยู่ที่ระดับ 3 ถึง 4 ล้านคน 
 

"ทริส"คาดศก.ไทยปี64 โต 2.6% แรงหนุนจาก ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ  

อุปสงค์ภาคเอกชนยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดในปี 2563

การบริโภคและการลงทุนในภาคเอกชนยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยได้รับผลจากการกลับมาระบาดของโรคโควิด 19 รอบใหม่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดในปี 2563 อยู่อย่างหนักอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในเรื่องการว่างงาน หนี้ครัวเรือน และสภาพคล่องของธุรกิจ 

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนในอนาคตของภาคเอกชนจึงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ และความสำเร็จในการเร่งรัดโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของภาครัฐเป็นสำคัญ โดย
ทริสเรทติ้งคาดว่าการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในปี 2564 จะขยายตัวที่ระดับ 1.5% และ 3.7% ตามลำดับ
 

 

ในด้านสภาวะการจ้างงานนั้น ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 ในปี 2563 ส่งผลให้เกิดภาวะว่างงานในประเทศเพิ่มสูงขึ้นโดยมีผู้ประกันตนขอรับสิทธิ์เพื่อรับผลประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานสะสมจำนวนมากถึง 395,013 คน ณ สิ้นปี 2563  (คิดเป็นประมาณ 3.6% ของผู้ประกันตนภาคบังคับตามมาตรา 33) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนเฉพาะแรงงานในระบบประกันสังคมเท่านั้น (45% ของแรงงานทั้งหมด) โดยแม้ว่ายอดตัวเลขสะสมของผู้ขอรับสิทธิ์ได้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงที่สุดในเดือนตุลาคม 2563 ที่จำนวน 491,662 คนแล้ว แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอีกตามสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ที่ยังไม่คลี่คลาย

ในช่วงที่มีการใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ชั่วโมงการทำงานของภาคเอกชนหดตัวลงในเกือบทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรมและร้านอาหารและกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจด้านศิลปะ บันเทิง และกิจกรรมนันทนาการ ซึ่งธุรกิจที่เน้นให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนมีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ปิดและมีการรวมตัวทางสังคม เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์นั้นมีความเปราะบางต่อสถานการณ์ที่ประเทศขาดนักท่องเที่ยวและมีการใช้มาตรการควบคุมการระบาดมากที่สุด โดยธุรกิจในกลุ่มดังกล่าวยังได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและมีความเสี่ยงต่อการปิดกิจการแบบถาวรอีกด้วย ซึ่งผู้ประกอบการที่รอดพ้นจากวิกฤติมาได้ก็มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาที่ยาวนานและค่อยเป็นค่อยไปในการฟื้นตัว

 

"ทริส"คาดศก.ไทยปี64 โต 2.6% แรงหนุนจาก ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ  

การใช้จ่ายภาครัฐเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุปสงค์ภายในประเทศ

ทริสเรทติ้งมองว่ามาตรการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลไทยที่มีให้แก่กลุ่มประชากรที่มีความเปราะบางนั้นได้ผลในระดับหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ในขณะเดียวกัน การใช้จ่ายภาครัฐก็ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับระบบเศรษฐกิจไทยต่อไปในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าการบริโภคและการลงทุนภาครัฐในปี 2564 จะขยายตัวที่ระดับ 5.0% และ 8.0% ตามลำดับโดยมี

ปัจจัยสนับสนุน 2 ด้านจาก 

(1) เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งยังคงเหลือวงเงินเบิกจ่ายอีกประมาณ 6.3 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564) ที่สามารถนำมาใช้ได้ และ (2) งบลงทุนในงบประมาณประจำปี 2564 จำนวน 6.5 แสนล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น 16.3% จากปีงบประมาณก่อนหน้า โดยโครงการลงทุนที่สำคัญที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการทางด่วนมอเตอร์เวย์-พระราม 3-วงแหวนตะวันตก เป็นต้น

อุปสงค์ภายนอกคาดว่าจะฟื้นตัวช้าโดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวมีความไม่แน่นอนสูง

ทริสเรทติ้งมองว่าภาคการส่งออกนั้นมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าเนื่องจากประเทศเศรษฐกิจหลักยังคงได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 โดยการส่งออกและนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 0.7% และ 0.3% ตามลำดับ ทริสเรทติ้งมองว่าอุปสงค์โลกจะขับเคลื่อนโดยประเทศจีนที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดและฟื้นคืนเศรษฐกิจในประเทศกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในประเทศต่างๆ 

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาภายในปีนี้จากการใช้วัคซีนที่แพร่หลายมากขึ้นในประเทศต่างๆ ในขณะที่การเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะแสวงหาความร่วมมือระหว่างภูมิภาคนั้นก็จะช่วยสนับสนุนทิศทางการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ด้วย

การระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด 19 ในประเทศต่างๆ และปัญหาต้นทุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าการใช้วัคซีนอย่างต่อเนื่องและการเร่งผลิตตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มมากขึ้นในประเทศจีนจะช่วยให้สถานการณ์ดังกล่าวค่อย ๆ คลี่คลายลงได้ โดยคาดว่าปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์จะหมดไปภายในครึ่งแรกของปี 2564 
 

นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของการส่งออกต่อไป โดยการแข็งค่าของเงินบาทมีสาเหตุหลักมาจากการดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลังของประเทศสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการแข็งค่าของเงินบาทในอนาคตมี 2 ประการ ประการแรก การใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบใหม่จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรควิด 19 ของประเทศสหรัฐฯ จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดดุลการคลังมากขึ้น อีกทั้งยังจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดซึ่งจะสร้างแรงกดดันจนทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และประการที่ 2 ศักยภาพทางเศรฐกิจที่สูงกว่าของกลุ่มประเทศในทวีปเอเชียจะสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเคลื่อนย้ายของเงินลงทุนระหว่างประเทศอย่างมหาศาลซึ่งจะสร้างอุปสงค์ให้เกิดกับสกุลเงินที่เป็นที่นิยมในภูมิภาค เช่น เงินบาท 

ทริสเรทติ้งมองว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวยังอยู่บนความไม่แน่นอนเป็นอย่างมากภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 การฟื้นตัวของแต่ละประเทศอาจต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าถึงและบริหารการใช้วัคซีนให้แก่ประชาชนของรัฐบาล รวมถึงระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด 19 ที่มีต่อรายได้และความมั่นคงในชีวิตของคนทั่วโลก 

อย่างไรก็ตาม การเริ่มใช้วัคซีนในประเทศต่างๆ มากกว่า 90 ประเทศ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในทางบวกต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยภายใต้กรณีฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารัฐบาลไทยจะสามารถผ่อนคลายมาตรการกักตัวให้กับผู้เดินทางมาจากกลุ่มประเทศที่มีการฉีดวัคซีนและมีอัตราการติดเชื้อต่ำได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 และประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ระดับ 3 ถึง 4 ล้านคนในปี 2564

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

23 บจ.อสังหา หุ้นกู้ครบดีลปีนี้กว่า 9.5 หมื่นล้านบาท ทริสฯมองตลาดฟื้นตัวปี 65

สศช.เผย"จีดีพี" ปี 63 ต่ำสุดในรอบ 22 ปี ห่วง 5 ปัจจัยเสี่ยงทุบซ้ำศก.ปี 64

สศค.เผยโควิดรอบใหม่ ฉุดภาวะเศรษฐกิจ ม.ค.ชะลอตัว