เตรียมสร้างศูนย์การแพทย์ระดับโลกปีหน้า

03 ธ.ค. 2563 | 10:26 น.

ธนารักษ์ มอบที่ดิน 141 ไร่ ให้ สธ.สร้างศูนย์การแพทย์ระดับโลก 5 พันล้าน ดึงต่างชาติ คนไทยไฮโซใช้บริการ เริ่มตอกเสาเข็ม ปี 2564

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯได้มอบหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 141 ไร่ ให้โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีมูลค่าลงทุนกว่า 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าที่ดินพันกว่าล้านบาท และการลงทุนพัฒนาอีกกว่า 3 พันล้านบาท

 

“ที่ราชพัสดุแห่งนี้ถือเป็นที่ราชพัสดุผืนสุดท้ายที่มีขนาดใหญ่ และทำเลดีสุดในภูเก็ต โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางสุขภาพระดับโลก และดึงชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่มีรายได้สูงไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทเข้ามาท่องเที่ยวใช้บริการ อีกทั้งยังช่วยสร้างงาน และฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากโควิด โดยจะแบ่งการพัฒนาเป็น 3 โซน โซนแรกจะใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปีเศษ โซนสองใช้เวลา 2 ปี และหากได้รับผลตอบรับดีจะมีการพัฒนาโซนที่สามต่อไป” 

สำหรับแผนดำเนินก่อสร้างระยะที่ 1 เริ่มปี 2564 มีมูลค่าลงทุน 1,295 ล้านบาท ก่อสร้างเป็นศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร ศูนย์อภิบาลสุขภาพผู้ป่วยสูงอายุนานาชาติ ศูนย์ใจรักษ์ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร และงานภูมิทัศน์ ส่วนแผนระยะที่สอง เริ่มปี 65 จัดสร้างสถาบันบำราศนราดูล เขตภาคใต้ ศูนย์เวชศาสตร์เขตร้อน หน่วยรังสีรักษา เขตอันดามัน มูลค่าโครงการอีกกว่า 1,671 ล้านบาท 

“การดำเนินโครงการนี้อยู่ภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยว เชิงสุขภาพระดับโลก เป็นศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้กรอบการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ”

 

ส่วนความคืบหน้าโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร หรือโครงการ รามาฯ-ธนารักษ์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะนี้มียอดจอดสูงกว่าจำนวนห้องที่สร้างมาก โดยมียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 1,300 ราย มากกว่าจำนวนห้องที่มี 921 ห้อง และมีผู้สูงวัยเรียกร้องให้เปิดโครงการระยะสองเพิ่มเติม ซึ่งกรมฯได้มีการกันพื้นที่ไว้แล้ว 50 ไร่ที่ยังสามารถก่อสร้างได้ แต่จะต้องพิจารณาความเหมาะสมรายละเอียดและจะมีการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 8 ธ.ค.2563 

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากนี้กระทรวงฯ จะเร่งจัดทำแผนเพื่อเสนอของบประมาณสำหรับลง ซึ่งในก้อนแรกจะใช้ประมาณ 1,295 ล้านบาท โดยกำลังพิจารณาว่าจะขอใช้งบฟื้นฟูจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หรือการขอใช้งบกลาง ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในปีงบประมาณ 64 โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากเผชิญวิกฤตจากโควิด