ดาวโจนส์ปิดบวก 185 จุด รับความหวังสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นศก.

02 ธ.ค. 2563 | 00:04 น.

ดาวโจนส์ปิดบวก 185.28 จุด รับความหวังสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานที่ว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะหารือกันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน
          

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,823.92 จุด เพิ่มขึ้น 185.28 จุด หรือ +0.63% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,662.45 จุด เพิ่มขึ้น 40.82 จุด หรือ +1.13% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,355.11 จุด เพิ่มขึ้น 156.37 จุด หรือ +1.28%         

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กประเดิมการซื้อขายวันแรกของเดือนธ.ค.อย่างคึกคัก หลังจากนายมนูชินเปิดเผยว่า เขาจะหารือกับนางเพโลซีเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ วงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อเสนอของวุฒิสภา เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
          

ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า สภาคองเกรสจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในไม่ช้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) เพื่อขออนุมัติการจำหน่ายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งหาก EMA ให้การอนุมัติ ก็จะส่งผลให้ไฟเซอร์สามารถใช้วัคซีนดังกล่าวในยุโรปก่อนปลายปีนี้
          

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน พุ่งขึ้นแตะระดับ 54.9 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 53.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 10 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 53.5
          

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ทะยานขึ้น 3.46% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.33% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.83% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 3.08% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 1%
          

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 0.9% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.88% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดขึ้น 1.58% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 1.2% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.73%
          

หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.7% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรและรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2564
          

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3% เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวหุ้นของบริษัทเทสลาที่จะได้รับการคำนวณในดัชนี S&P 500 ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
          

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 57.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 59.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.0 อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
          

ทางด้านเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.7 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2557 จากระดับ 53.4 ในเดือนต.ค. โดยดัชนี PMI สหรัฐปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
          

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนก.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค.
          

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนต.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.