จากกรณีที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง รัฐบาลช่วย 50% และ ประชาชน จ่าย 50% จำนวน 10 ล้านสิทธิ ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลขยายโครงการคนละครึ่งเฟสสอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส2 ดีเดย์ 1 ม.ค.64 ใช้ได้ยาวถึงตรุษจีน
“คนละครึ่ง” ปังไม่หยุด คลัง เผยมียอดใช้จ่ายสะสม 2.8 หมื่นล้าน
ชัดเจนแล้ว ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส2 ต้นเดือน ม.ค.ปี64
เตือน!ประชาชน-ร้านค้า ผิดเงื่อนไขคนละครึ่ง โทษหนักจำคุก 7 ปี
นายกฯยืนยันโครงการคนละครึ่ง เตรียมเปิดเฟส 2 แน่นอน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ กระทรวงการคลัง ต่อยอดโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อันได้แก่ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน และ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน
ความคืบหน้าล่าสุด สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 4 มาตรการนั้น มีความชัดเจนอย่างเป็นลำดับ เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ นายกรัฐมนตรีฯ ได้ระดมขุนพลทางเศรษฐกิจทั้งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อยอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 4 มาตรการ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนรายละเอียดมีดังนี้
1.มาตรการคนละครึ่งเฟส2 ขยายสิทธิถึงเทศกาลตุรษจีน
2. ขยายมาตรการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน
3. ช้อปดีมีคืน
4.เราเที่ยวด้วยกัน
นอกจากนี้กระทรวงการคลังจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #บัตรคนจน #รอบใหม่ กำลังพิจารณาเงื่อนไข ที่จะใช้ในการอ้างอิงรายได้ส่วนสวัสดิการที่เคยได้รับจะเหมือนเดิม ส่วนจะมีเพิ่มเติมหรือไม่นั้น อยู่ในขั้นพิจารณารายละเอียด มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอจะเข้า ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ.เร็วๆนี้
มาตรการทั้ง 4 โครงการ ที่ได้รับคนสนใจมากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ คนละครึ่งเฟส2
เพราะเมื่อพลิกดูตัวเลขล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังได้เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการคนละครึ่งว่า ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.5 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,493,942 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 28,609 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 14,599 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 14,010 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ
สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนในเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 และได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้ว ขอให้รีบติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” พร้อมยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยขอให้เริ่มใช้สิทธิในการใช้จ่ายโดยเร็วภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @thansettakij