นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องปรับหลักเกณฑ์โครงการคนละครึ่ง หลังจาก 3 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2563 ยังมีผู้ลงทะเบียนไม่ครบ 10 ล้านคนตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้วเพียง 5.8 ล้านคน เนื่องจากเพิ่งเริ่มโครงการ คงจะต้องให้เวลาในการพิจารณาซักระยะหนึ่งก่อน
ส่วนกรณีที่เกิดการชุมนุมขึ้นทำให้คนสนใจเข้าร่วมโครงการน้อยหรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะประชาชนยังคงต้องใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่เช่นเดิม ส่วนการชุมนุมเกิดขึ้นเพียงพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น ขณะที่โครงการนี้มีผลกับประชาชนทั้งประเทศ จึงเชื่อว่าจะมีผู้ลงทะเบียนครบทั้ง 10 ล้านคนได้ตามที่ตั้งเป้าไว้แน่
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ก็น่าจะมีคนมาลงทะเบียนใกล้เคียง 10 ล้านคนตามที่กำหนดไว้ได้ เรื่องม็อบ ไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะคนต้องกินต้องใช้ และไม่ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศ และสัญญาณเศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้น ล่าสุด การจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในเดือนก.ย.2563 ติดลบแค่ 2% ดีกว่าช่วงที่ผ่านมามาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าคนจะยังต้องการเข้าโครงการนี้แน่”นายกฤษฎา กล่าว
ส่วนกรณีที่มีผู้ลงทะเบียนคนละครึ่งแล้ว แต่เปลี่ยนใจอยากเข้าโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อใช้สิทธิ์คืนภาษีมากกว่านั้น นายกฤษฎา กล่าวว่า สามารถดำเนินการได้ หากลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่งแล้ว ไม่ต้องใช้จ่ายเงินตามที่กำหนดภายใน 14 วัน ระบบจะตัดสิทธิ์ดังกล่าวออก จากนั้นผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ไป สามารถเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืนได้ต่อไป โดยไม่ถูกแบล็กลิสต์แต่อย่างใด
สำหรับจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในปัจจุบัน มีจำนวน 2.92 แสนราย แบ่งเป็นหาบเร่ แผงลอยต่างๆ 5 หมื่นร้านค้า และ ที่มีหน้าร้านประจำอีก 1.7 แสนร้านค้า ซึ่งเชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่อง และจะเพียงพอต่อการใช้จ่ายของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการแน่นอน