ไบเดน คว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐ หนุนเศรษฐกิจโลก-เอเชีย

26 ก.ย. 2563 | 12:04 น.

กูรูทิสโก้ชี้ ไบเดน มีโอกาสคว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐฯ หนุนเศรษฐกิจโลก - เอเชียบูม รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

กูรู ทิสโก้ ชี้ นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จาก พรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะชนะ ศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย.นี้  หลังคะแนนนำโด่งหลายรัฐฯ ชี้ เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโลก และเอเชีย จากการใช้มาตรการทางการคลังขนาดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ - การค้าระหว่างประเทศฟื้นตัว แต่ค่าเงินดอลลาร์ฯ อาจอ่อนค่ารับหนี้สหรัฐฯ พุ่ง และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากนโยบายขึ้นภาษี

 

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ เปิดเผยว่า จากการรวบรวมผลสำรวจความนิยมผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบว่า นายโจ ไบเดน  มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง จากผลสำรวจความนิยมล่าสุดชี้ว่า นาย ไบเดน มีคะแนนนำนาย โดนัล ทรัมป์ อยู่ค่อนข้างห่างที่ 7 จุด

 

นอกจากนั้น ผลสำรวจความไว้วางใจ (Approval ratings) ของนายทรัมป์ ในฐานประธานาธิบดียังอยู่ในระดับต่ำมากที่ 43 จุด ซึ่งนับว่าต่ำมากเมื่อเทียบประธานาธิบดีคนอื่นๆ ในอดีต

ไบเดน คว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐ  หนุนเศรษฐกิจโลก-เอเชีย

 

“การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Electoral College หรือ ‘คณะผู้เลือกตั้ง’ ซึ่งผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Voter) ของรัฐต่างๆ รวมกันอย่างน้อย 270 เสียง จากจำนวนทั้งสิ้น 538 เสียง แต่ละมลรัฐจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน ขึ้นกับจำนวนประชากรของรัฐนั้น”

 

เมื่อพิจารณาผลสำรวจความนิยมเป็นรายรัฐ จะพบว่า นายไบเดน มีโอกาสชนะการเลือกตั้งค่อนข้างสูง โดยหากรวมคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งในรัฐที่นายไบเดนมีคะแนนนำนายทรัมป์ตั้งแต่ 5-10% ขึ้นไป พบว่า นายไบเดนได้เสียงรวมกันถึง 264 เสียง ขาดอีกเพียง 6 เสียง ก็จะชนะการเลือกตั้ง

 

“นั่นหมายความว่านายไบเดน ต้องการชนะอีกแค่เพียงรัฐเดียว ก็จะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปได้สำเร็จ โดยในรัฐที่โพลยังสูสี คือ มีคะแนนห่างจากนายทรัมป์ไม่เกิน 5% มีทั้งหมด 7 รัฐ โดยนายไบเดนมีคะแนนนำอยู่ถึง 5 รัฐ ” นายคมศรกล่าว 

 

ทั้งนี้ ชัยชนะของนายไบเดน น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก เนื่องจากนายไบเดนได้เสนอให้ใช้มาตรการทางการคลังขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สวัสดิการสุขภาพ และการลงทุนพัฒนาด้านพลังงานสะอาด (Clean energy) มูลค่ารวมสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจาก COVID-19

 

ขณะเดียวกัน นโยบายด้านการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีท่าทีประนีประนอมกว่านายทรัมป์ น่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของการค้าโลกได้ ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) ซึ่งรวมถึงประเทศไทยก็น่าจะตอบรับในเชิงบวก ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่บรรเทาลง

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจตอบรับในเชิงลบ เพราะนโยบายภาษีของนายไบเดนที่จะกดดันผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ โดยนายไบเดนเสนอให้ขึ้นภาษีหลายประเภทเพื่อชดเชยการขาดดุลการคลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ ภาษีนิติบุคคล ขึ้นเป็น 28% จากปัจจุบันที่ 21%  และภาษีจากการลงทุน (Capital gains tax) โดยจะเก็บภาษีบนกำไรจากการลงทุนสำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อัตราเดียวกับภาษีเงินได้ส่วนบุคคล (ที่ 39.6% จากปัจจุบันที่ไม่เกิน 20%) 

 

นอกจากนี้ นายไบเดน ยังสนับสนุนให้เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการผูกขาด (Antitrust) โดยหนึ่งในนั้นคือ การเสนอให้กำหนดภาษีขั้นต่ำกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Amazon เป็นต้น

 

ทั้งนี้ หากนายไบเดนชนะการเลือกตั้ง ประเมินว่า หนี้ภาครัฐของสหรัฐฯจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามปริมาณการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลการคลัง  ซึ่งจำเป็นจะต้องจูงใจด้วยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็น่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เพราะถูกกดดันจากแนวโน้มหนี้ภาครัฐที่เพิ่มสูง

 

ขณะที่ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ (EM) มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ด้านราคาน้ำมันอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายสนับสนุนให้ใช้พลังงานทางเลือก โดยนายไบเดนตั้งเป้าให้สหรัฐฯ ใช้พลังงานสะอาด (Clean energy) 100% ภายในปี 2593 ส่วนปัจจัยบวกจากนโยบายเสนอห้ามขุดเจาะบนที่ดินและน่านน้ำของรัฐบาลกลางนั้น คาดว่าจะเป็นเพียงปัจจัยบวกระยะสั้น เนื่องจากในปีนี้ผู้ผลิตเร่งขอ และได้รับใบอนุญาตขุดเจาะไปมากแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม  หากนายทรัมป์พลิกล็อคชนะการเลือกตั้ง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาแข็งค่า ในขณะที่ค่าเงินหยวนและเงินสกุลเอเชียอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้นเกิดใหม่อาจถูกเทขายจากความเสี่ยงสงครามการค้าที่อาจกลับมาตึงเครียดขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทิสโก้ชี้ ความไม่แน่นอนเลือกตั้งสหรัฐ กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก 2-3 เดือนข้างหน้า

โจ ไบเดน เลือก "คามาลา แฮร์ริส" ลงชิงตำแหน่งรองปธน. ศึกเลือกตั้งสหรัฐ พ.ย.นี้

ทิสโก้ ปรับเป้าจีดีพีเป็นติดลบ 8%  หลังแรงส่งมาตรการรัฐทยอยหมด - ท่องเที่ยวไม่ฟื้น 

"ทิสโก้" ชี้ศก.ทั่วโลกอาจชะงักหลังหมดมาตรการกระตุ้น ฉุดหุ้นตกแรง