สารพัด"ปัจจัยลบ" ถล่มดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 500 จุด

21 ก.ย. 2563 | 23:51 น.

 ดาวโจนส์ ปิดร่วง 509.72 จุด วิตกล็อกดาวน์รอบสอง มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจไม่คืบ

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในยุโรปเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งรายงานที่ว่าธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมโอนเงินที่ผิดกฎหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.70 จุด ร่วงลง 509.72 จุด หรือ -1.84% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,778.80 จุด ลดลง 14.48 จุด หรือ -0.13% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,281.06 จุด ลดลง 38.41 จุด หรือ -1.16%

 

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในหลายประเทศของยุโรป ตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน          

ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ได้ฉุดหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มโรงแรม และกลุ่มเรือสำราญ ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ทรุดลง 9.25% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 8.6% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 7.43% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 6.87% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 6.6%  หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ร่วงลง 7.75%

 

ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ เนื่องจากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น นอกจากนี้ การเสียชีวิตของนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ ก็อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย

 

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังรายงานบนเว็บไซต์ของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกได้ปล่อยให้มีการโยกย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นเวลานานเกือบ 20 ปี แม้จะมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินดังกล่าวก็ตาม โดยข้อมูลดังกล่าวซึ่งมาจากเอกสารของเครือข่ายสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินสหรัฐ (FinCen) และหลุดออกไปถึงสื่อของสหรัฐนั้น ยังระบุถึงข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในระหว่างปี 2542-2560 ซึ่งเงินเหล่านี้ได้รับอนุมัติการทำธุรกรรมโดยหน่วยงานภายในของสถาบันการเงินที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย

 

ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 3.09% หุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน ดิ่งลง 4.05% หลังจากชื่อของธนาคารทั้งสองแห่งนี้ปรากฏอยู่ในเอกสารของ FinCen ขณะที่หุ้นธนาคารรายอื่นๆร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 3.43% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.07% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.36%

 

หุ้นนิโคลา (Nikola) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าของสหรัฐ ทรุดตัวลง 19.33% หลังจากนายเทรเวอร์ มิลตัน ผู้ก่อตั้งบริษัทนิโคลา ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานบริหาร ท่ามกลางรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) และกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ กำลังสอบสวนนิโคลาฐานหลอกลวงนักลงทุน         

 อย่างไรก็ดี หุ้น Zoom Video Communications ปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.78% โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบที่ 2 จะส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ Zoom พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

 

หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 1.64% ก่อนที่เทสลาจะเปิดงาน "Battery Day" ในสัปดาห์นี้

 

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย รวมทั้งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.