บลจ.ทิสโก้สั่งเพิ่มทุนกอง TCLOUD อีก 2,000 ล้าน

15 ก.ค. 2563 | 08:06 น.

บลจ.ทิสโก้ สั่งเพิ่มทุนกอง TCLOUD อีก 2,000 ล้าน หลังนักลงทุนซื้อ IPO จนเต็มมูลค่าโครงการ ต้องปิดขายก่อนกำหนด

บลจ.ทิสโก้ ได้เสนอขาย IPO กองทุนเปิด ทิสโก้ Cloud Computing อิควิตี้ (TCLOUD) ซึ่งเป็นกองทุนรวม ตราสารทุน ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี ‘คลาวด์ คอมพิวติง’ (Cloud Computing) หรือระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ ผ่าน กองทุนอีทีเอฟ Global X Cloud Computing ETF (กองทุนหลัก) ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 13 กรกฎาคม แต่ปรากฎว่า ลูกค้าซื้อจนเต็มโครงการที่ 2,000 ล้านบาท ทำให้ต้องหยุดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 เวลา 15.00 น.

 

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ จะเปิดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน TCLOUD อีกครั้ง ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าโครงการอีก 2,000 ล้านบาทเป็น 4,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจดังกล่าวได้มีโอกาสลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต

บลจ.ทิสโก้สั่งเพิ่มทุนกอง TCLOUD อีก 2,000 ล้าน

“สาเหตุหนึ่งที่ลูกค้าให้ความสนใจ เพราะเป็นหนึ่งในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ เมกะเทรนด์ ซึ่ง 2 กองทุนที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนด์ที่เสนอขายโดย บลจ.ทิสโก้ก่อนหน้านี้สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างน่าพอใจ นักลงทุนจึงเชื่อมั่นว่ากองทุนนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีเช่นกัน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บลจ.ไทยพาณิชย์ ลุยธุรกิจธีม New Normal

บลจ.กสิกรไทย ปลื้ม "Term Fund Plus" ขายเกลี้ยงเพียง 6 ชั่วโมง

นอกจากนี้ กองทุน TCLOUD ยังเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีนโยบายลงทุนที่โดดเด่น เพราะมีนโยบายเน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากคลาวด์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หลังเปิดให้ซื้อขายหน่วยลงทุน TCLOUD ได้อีกครั้ง อาจทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงไปจากราคา IPO ได้ แต่บลจ.ทิสโก้ยังแนะนำให้ผู้ลงทุนเน้นลงทุนในระยะยาวในกองทุนเมกะเทรนด์เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน

 

นอกจากนั้น ธุรกิจคลาวด์ คอมพิวติงยังมีโอกาสเติบโตได้ดี ทั้งจากการเข้ามาของ Internet of Things (IoT) ในยุค 5G  ซึ่งจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผู้บริโภคเชื่อมต่อและสั่งการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างหลากหลาย และคลาวด์ยังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Google, Dropbox, Facebook, Zoom รวมถึงภาคธุรกิจที่เร่งนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น การใช้ Big Data มาจับพฤติกรรมผู้บริโภค และปรับเปลี่ยนธุรกิจมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นรับกับยุค New Normal  โดยมี COVID -19 เป็นตัวเร่งให้เกิดเร็วขึ้น 

สำหรับบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่มีโอกาสสร้างรายได้จากการเจริญเติบโตของธุรกิจ ตัวอย่าง เช่น  Zoom Inc ผู้ให้บริการ Video Conference และ Online Chat บน Cloud ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID -19 ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนต่อวันและเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูงตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีรายได้เติบโตสูงถึง 88% ในปีล่าสุด 2562

 

Shopify Inc ผู้ให้บริการระบบ E-commerce สำเร็จรูป ที่มีร้านค้าบนระบบกว่า 1 ล้านร้านค้า มีกระแสเงินสดจากการเก็บค่าบริการรายเดือน มีรายได้เติบโตสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยรายได้เติบโตถึง 59% ในปี 2561 และ 47% ในปี 2562

 

บริษัท ซี-สเกลเลอร์ (Zscaler) ผู้นำด้านการให้บริการ Web Security และผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลก โดยมีลูกค้าองค์กรชั้นนำเลือกใช้งาน มีรายได้เติบโต 52% ในปี 2561 และ 59% ในปี 2562 และ Twilio Inc บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการสื่อสารบน Cloud ระหว่างซอฟแวร์ด้วยกัน มีอัตราการเติบโตของรายได้ 63% ในปี 2561 และ 74% ในปี 2562