ครม.เคาะใช้ "พรก.เงินกู้" ล็อตแรก1.5หมื่นล้าน 4กระทรวง5โปรเจ็กต์

08 ก.ค. 2563 | 11:29 น.

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ 5 โครงการ จาก 4 กระทรวง เดินหน้าตามแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ใช้งบจากพรก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท

รัฐบาลเดินหน้าฟื้นฟูประเทศ จากการใช้งบประมาณจากเงินกู้ 4 แสนล้านบาทแล้ว โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบ 5 โครงการ จาก 4 กระทรวง วงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท 

 

วันที่ 8 ก.ค. 63 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563 เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) เพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ วงเงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชำแหละ งบ 2 ปีรัฐบาล เงินกู้-ภาระผูกพันข้ามปี "โตเร่ง "

อัดงบท่องเที่ยว 2.2 หมื่นล้าน ประเดิมเงินกู้ฟื้นเศรษฐกิจ

“ขาใหญ่” ตั้งโต๊ะ “ค้างบ”

รายละเอียดของโครงการประกอบด้วย 

1. โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 9,800 ล้านบาท  
เป็นการฝึกอบรมเกษตรกรเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ และการเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำสำหรับทำการเกษตร คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร จำนวน 4.4 หมื่นราย เพิ่มการจ้างงานเกษตร จำนวน 8,010 ราย มีพื้นที่กักเก็บน้ำสำหรับทำการเกษตรในฤดูแล้งเพิ่มขึ้น

 

2.โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย วงเงิน 4,700  ล้านบาท

โดยจะพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ชุมชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนผ่านการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร แรงงาน บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและประชาชน 2.51 หมื่นครัวเรือน เพิ่มการจ้างงานเกษตรกร 6,490  ราย เพิ่มพื้นที่ปลูกป่าไม่น้อยกว่า 2.57 หมื่นไร่

3. โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 169.88 ล้านบาท 

โดยจะฝึกอบรมสมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน ให้มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมในการตรวจวิเคราะห์ดินและใช้ปุ๋ย รวมทั้งขยายผลไปยังพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการจ้างงานในธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ประมาณ 2.36 พันคน ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีในพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 20% หรือประมาณ 1.8 หมื่นตัน คิดเป็นวงเงิน 253 ล้านบาท

 

4.โครงการพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว (Safety Zone) ของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วงเงิน 15 ล้านบาท  

นำมาสร้างต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยฝให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว 5 พื้นที่ ได้แก่ ย่านเมืองเก่าน่าน หาดบางแสนชลบุรี เอเชียทีค ชุมชนบ้านไร่กองขิง เชียงใหม่ และเยาวราช รวมถึงฝึกอบรมเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยให้ผู้ประกอบการและร้านค้าต่าง ๆ

 

5. โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วงเงิน 741.58 ล้านบาท 

โดยจะทำการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้มาตรฐาน การจ้างงานในชุมชนท้องถิ่นรอบพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่า 1,250 คน เพื่อให้ความรู้ในแหล่งท่องเที่ยว พัฒนามาตรฐานกิจกรรมดูนก และเดินป่าในพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่า คาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเพื่อการเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า ทำให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ เช่น ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว (มัคคุเทศก์) จำนวน 1,250 คน ผู้ประกอบการก่อสร้างในท้องถิ่น จำนวน 125 ราย

5 โครงการ ใช้พรก.เงินกู้ 4 แสนล้าน ล็อตแรกวงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท

ด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  พิจารณาหลักการ แผนงาน/โครงการ ระยะที่ 1 เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม มุ่งแก้ปัญหาเกษตร สร้างความเข้มแข็งภาคประชาชน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEs พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงอนุมัติงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยแบ่งแผนงาน/โครงการฟื้นฟูฯ เป็น 3 ระยะด้วยกัน ซึ่งในวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการในระยะที่ 1 แล้ว โดยจะใช้งบประมาณไม่เกิน 1 แสนล้านบาท จากนั้นจะเตรียมการโครงการในระยะที่ 2 ต่อไป โดยจะทยอยดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามความจำเป็น ความเร่งด่วน สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สำคัญคือจะต้องเป็นอย่างไปโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกวดขันให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และภาคประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย
 
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องการจ้างงาน โดยสั่งการให้ทุกกระทรวงจัดสรรงบประมาณในการจ้างงาน ซึ่งอาจะเป็นการจ้างงานรายวัน หรือรายชั่วโมง ในพื้นที่ท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ โดยใช้โครงการที่มีอยู่แล้วเดิม เช่น โครงการบวร (บ้าน วัด โรงเรียน) การพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่  และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดการส่งออกสินค้าเกษตรกร อาทิ ผลไม้ ทั้งทางบกและทางน้ำ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาด่านข้ามพรมแดนเพื่อความสะดวกต่อการขนส่ง รวมทั้งรัฐบาลยังจัดหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือ Soft Loan ทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารพิเศษของรัฐ ตลอดจนกองทุนต่าง ๆ  โดยระมัดระวังการปล่อยเงินกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อมิให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในอนาคต พร้อมเร่งรัดการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งพบว่าช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การเข้าพักโรงแรมในพื้นที่ต่าง ๆ จากมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาล รวมทั้งโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยของรัฐบาล มั่นใจการท่องเที่ยวไทยจะดีขึ้นตามลำดับ
 
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันความพร้อมงบประมาณสำหรับการเยียวยาและงบประมาณด้านสาธารณสุข ที่เตรียมไว้หากพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 2  หากไม่มีการใช้ก็จะไปนำไปใช้ในโครงการส่วนอื่น นายกรัฐมนตรียังฝากไปยังภาครัฐ ข้าราชการ ธุรกิจ เอกชน ผู้ประกอบการ ต้องร่วมมือกันเพื่อแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด จัดลำดับแผนงาน/โครงการตามความจำเป็นเร่งด่วน ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด  พร้อมขอให้ทุกฝ่ายรับฟังคำชี้แจงของหน่วยงานราชการและให้กระทรวงให้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปฏิบัติงานของกระทรวงต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม  สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการบริการของภาครัฐอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ดูแลผู้มีรายได้น้อย  สร้างความเป็นธรรม แต่จะต้องไม่ส่งผลกระทบถึงงบประมาณในระยะยาว