ASPS ชี้หุ้น Q3 “ยิ่งปรับขึ้นไป ยิ่งไกลพื้นฐาน”

08 ก.ค. 2563 | 08:44 น.

บล.เอเซีย พลัส เผยไตรมาส 3 ยังมีปัจจัยกดดันลงทุนหลากหลาย คาดดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,420 จุด ส่วนกำไรสุทธิบจ.ไทยปีนี้อยู่ที่ 688,000 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส(ASPS) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ยังมีหลากหลายปัจจัยกดดันการลงทุน โดยในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วโลก อาทิ การเคลื่อนย้ายคน สิ่งของ การจ้างงาน และปัจจัยสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ซึ่งมีแรงกระตุ้นจากความตึงเครียดสถานการณ์จีน-ฮ่องกงที่เพิ่มความร้อนแรงมากขึ้น

สำหรับในประเทศ แม้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มดีมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2563 คาดหดตัว -8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจจาก พรก. 3 ฉบับออกมาไม่เต็มที่ โดยรวมคาดภาพเศรษฐกิจไทยช่วงครี่งปีหลัง จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ประเมินเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเกือบทุกตัวทั้งการท่องเที่ยวการค้าระหว่างประเทศ การบริโภคในประเทศ ส่วนการลงทุนเอกชนชะลอลงแรง คงเหลือแรงขับเคลื่อนเพียงการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น งานก่อสร้าง งานประมูลโครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายโทรคมนาม และมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ยังมีอยู่

ASPS ชี้หุ้น Q3 “ยิ่งปรับขึ้นไป ยิ่งไกลพื้นฐาน”

“โดยรวมช่วงไตรมาส 3 ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายเรื่อง ทั้งภายในและภายนอก และการที่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายกันที่ PER63F สูงเกิน 20 เท่า ซึ่งแพงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ขณะที่แนวโน้มการเติบโต EPS Growth 63F ของไทยลดลง 27.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าต่ำสุดในภูมิภาค เชื่อว่าจะกดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้า ขณะที่แรงขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยยังคงต้องพึ่งพิง Fund Flow จากนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก” 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 คาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยอยู่ที่ 688,000 ล้านบาท EPS63F เท่ากับ 64 บาทต่อหุ้น พิจารณาภาพรวมกำไรบจ.ครึ่งปีแรก พบว่ากำไรงวด 1 อยู่ที่ 106,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2563 ส่วนงวดไตรมาส คาดอาจไม่ได้ลดลงจากไตรมาสก่อนแต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ครึ่งปีแรกบจ.อาจทำกำไรได้เพียง 30-40% ของประมาณการปี 2563 ส่งผลให้ช่วงที่เหลือของปี บจ.จะต้องทำกำไรเกินกว่า 60-70% ของประมาณการ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายพอสมควร โดยประเมินความเสี่ยงกำไรบจ.ปี 2563 มีโอกาสถูกปรับลงอีก สวนทางกับดัชนีหุ้นไทยที่ปรับขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะที่ยิ่งปรับขึ้นไป ยิ่งไกลพื้นฐาน

ขณะเดียวกัน กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3 ปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์ในปีนี้มีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ดังนั้น การลงทุนจึงต้องเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน และกลุ่มหุ้นที่อิงกระแสการประมูลโครงการลงทุนของรัฐ และมาตรการกระตุ้นการบริโภค เลือก BGRIM, CPF, CPALL, INTUCH, INSET, SEAFCO โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 1,250-1,420 จุด