ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) ได้แรงหนุนจากดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ทะยานขึ้นกว่า 5% เมื่อวานนี้ ท่ามกลางมุมมองบวกที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮอีกครั้งเมื่อคืนนี้ ขานรับผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 45.4 ในเดือนพ.ค. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
รายงานดัชนีภาคบริการของสถาบัน ISM ออกมาสอดคล้องกับรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีPMIภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.9 จากระดับ 37.5 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขขั้นต้นเดือนมิ.ย.ซึ่งอยู่ที่ 46.7
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ทะยานขึ้นถึง 5.71% เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ หลังจากที่ China Securities Journal ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนได้เผยแพร่บทบรรณาธิการและบทความที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อสนับสนุนตลาดภายในประเทศ
ปัจจัยบวกดังกล่าวได้บดบังความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยรายงานข่าวระบุว่า ในช่วง 4 วันแรกของเดือน ก.ค. 15 รัฐของสหรัฐรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้บางรัฐต้องระงับแผนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ นอกจากสหรัฐแล้ว ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้นยังรวมถึง อินเดีย ออสเตรเลีย และเม็กซิโก