"สรรพสามิต" ลุยแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน

06 ก.ค. 2563 | 12:32 น.

สรรพสามิต แก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน สั่งผู้นำเข้าต้องติดแสตมป์ในไทยเท่านั้น ชี้ ทำตามระเบียบ WHO ด้านผู้นำเข้าเดือดเล็งฟ้องร้อง เหตุอุ้มโรงงานยาสูบ รังแกผู้นำเข้า ต้องเสียเป็นพันล้านตั้งโรงงาน แข่งขันไม่ได้

"สรรพสามิต" ลุยแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯกำลังจัดทำโครงการพัฒนาระบบแสตมป์และการบริหารจัดการยาสูบ พร้อมกับกำหนดให้ผู้นำเข้าบุหรี่ต้องมาติดแสตมป์ยาสูบในไทย ห้ามติดจากประเทศต้นทาง หรือติดจากต่างประเทศแต่ต้องมาเข้าขบวนการติดแสตมป์พร้อมลงทะเบียนเปิดใช้งานแสตมป์ในไทย เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ และให้สอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงให้เป็นไปตามพิธีสารเพื่อกำจัดการค้าที่ผิดกฎหมายในผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก

 

“ปัจจุบันยังมีความเสียหายจากการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศอยู่สูงมาก กรมฯจึงจะนำระบบแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์มาติดตามและแกะรอย ใช้กับแสตมป์ยาสูบ โดยระบบนี้จะสามารถตรวจสอบที่มาของบุหรี่ได้ทันที ว่ามีการเสียภาษีเมื่อไร เป็นบุหรี่ชนิดใด ผลิตเมื่อไร จากประเทศอะไร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีให้กรมฯ ได้มาก เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่กรมฯ ได้ติดแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์กับเบียร์ไปแล้ว”


 

ส่วนกรณีผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศแจ้งว่าได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ โดยจะส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศไม่สามารถแข่งขันกับโรงงานยาสูบได้ และอาจต้องมีการผลักภาระการขึ้นราคาบุหรีให้กับผู้บริโภคนั้น ขณะนี้กรมฯยังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ ดังนั้น จึงขอรอดูหนังสือร้องเรียนจากผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศก่อนว่าโครงการดังกล่าวทำให้ต้นทุนของผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศเพิ่มขึ้นแล้วมันจะมีผลไม่ดีอย่างไร หรือว่าจะทำให้ต้นทุนของผู้นำเข้าลด หรือทำให้เขาได้กำไรเพิ่มหรือไม่ แต่ในภาพรวม เชื่อว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์

 

รายงานจากตัวแทนผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศได้รวมตัวกัน เพื่อเตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องให้กรมสรรพสามิตให้ทบทวนโครงการนำระบบการติดตามและแกะรอยมาใช้สำหรับแสตมป์ยาสูบ เพราะเห็นว่าระบบนั้นยังไม่สามารถทำให้ประเทศไทยมีระบบติดตามและแกะรอยของสินค้ายาสูบที่เป็นไปตามพิธีสารฯ ขององค์การอนามัยโลกได้เต็มรูปแบบ และยังทำให้เป็นภาระต่อผู้นำเข้าบุหรี่มากจนเกินไป

 

“การบังคับให้นำแสตมป์ยาสูบมาติดในไทยนั้น จะทำให้ผู้นำเข้าบุหรี่มีต้นทุนสูงมาก เพราะต้องลงทุนตั้งโรงงานใหม่กว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อทำการบรรจุและติดแสตมป์ใหม่ ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิดมากอยู่แล้ว นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับหลักการค้าเสรีขององค์การการค้าโลก เพราะเท่ากับว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับผู้ผลิตในประเทศทันที เพราะจะทำให้ผู้นำเข้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สวนทางกับการยาสูบแห่งประเทศไทย ที่สามารถติดแสตมป์ได้ตามเดิม ดังนั้นเห็นว่านโยบายนี้อาจขัดต่อพันธกรณีขององค์การการค้าโลก ซึ่งอาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องได้”