STGT ไอพีโอน้องใหม่ ปิดบวก 77.94%

02 ก.ค. 2563 | 10:35 น.

หุ้นไอพีโอใหม่ STGT เปิดเทรดวันแรกปิดเหนือจอง 77.94% วอลุ่มคึกคัก 17,152.26 ล้านบาท คาดยอดขายถุงมือยางปีนี้อยู่ที่ 28,000 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 40%

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การเปิดซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (STGT) เปิดซื้อขายวันแรกที่ 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 21.25 บาท หรือ 62.50% ก่อนปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 26.75 บาท หรือ 78.67% และปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท หรือ 77.94% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17,152.26 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 และราคาหุ้นมีผลต่อดัชนีหุ้นไทยให้ปิดในแดนบวก 3.5179 จุด

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT เปิดเผยว่า คาดปริมาณผลิตและยอดขายถุงมือยางปีนี้อยู่ที่ 28,000 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดขาย 20,000 ล้านชิ้น​ ส่วนรายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 40% หลังมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15% ในทุกไตรมาส ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น หลังจากเกิดสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 14,900 ล้านบาท จะใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิต 11,000 ล้านบาท ใช้ชำระหนี้เงินกู้ 2,100 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทำให่หลังการชำระหนี้จะส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (D/E) ลดเหลือ 0.7 -​0.8เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1.4 เท่า

 

ด้านนายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า STGT นับเป็นหุ้น IPO บริษัทแรกที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลังเกิด COVID-19 และนับเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดทุนไทยอีกด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีศักยภาพทางธุรกิจแข็งแกร่ง เป็นผู้ผลิตถุงมือยางชั้นนำรายใหญ่ของโลกที่มีการส่งออกสินค้าจำหน่ายกว่า 140 ประเทศทั่วโลก และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยโรคระบาด เนื่องจากการสวมใส่ถุงมือยางสามารลดโอกาสติดเชื้อโรคจากการสัมผัสได้ นอกจากนี้ STGT ยังมีขีดความสามารถการแข่งขันด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ดี เนื่องจากมี บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำยางธรรมชาติแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และโรงงานตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกยางพาราอีกด้วย
 

ขณะที่ภาพรวมความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีการระบาดของโรค COVID-19 สะท้อนจากการประเมินความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกในปี 2562 โดยสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางแห่งมาเลเซีย (MARGMA) อยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านชิ้น เติบโตเฉลี่ย 12.2% ต่อปี นับจากปี 2559 ที่มีความต้องการใช้ 212,000 ล้านชิ้น จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมทางการแพทย์และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ แสดงถึงศักยภาพการเติบโตที่ดี