ดาวโจนส์ปิดลบ 17.53 จุด กังวลความตึงเครียดสหรัฐ-จีน

30 พ.ค. 2563 | 00:02 น.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,383.11 จุด ลดลง 17.53 จุด หรือ -0.07% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,044.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.58 จุด หรือ +0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,489.87 จุด เพิ่มขึ้น 120.88 จุด หรือ +1.29%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกงเพื่อตอบโต้จีนที่บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง แต่นักลงทุนมองว่า มาตรการตอบโต้ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐน้อยกว่าที่วิตกกัน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ดัชนีทั้ง 3 ตัวสามารถปิดปรับตัวขึ้นได้ทั้งในสัปดาห์นี้และในเดือนพ.ค.

ในเดือนพ.ค. ดัชนีดาวโจนส์ บวก 3.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.5% และดัชนี Nasdaq บวก 1.8% และในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq บวก 1.8%

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง หลังปจากธน.ทรัมป์สั่งให้คณะบริหารของเขาเริ่มกระบวนการยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกงเพื่อตอบโต้จีนที่วางแผนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง

อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ระบุถึงมาตรการใดๆ ที่อาจจะทำลายข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งสหรัฐและจีนทำไว้เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเป็นความวิตกที่กดดันตลาดมาตลอดทั้งสัปดาห์นี้

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ของสหรัฐกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ด้วย หลังจากที่เขาขู่ที่จะดำเนินการดังกล่าวเมื่อต้นเดือนนี้  

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเปิดเผยว่า กรุงนิวยอร์ก ซิตี้ จะเปิดเศรษฐกิจเฟสแรกในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และในขณะนี้ 5 เขตทางเหนือของรัฐนิวยอร์กจะเข้าสู่เฟสสองของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในเว็บคาสต์ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในวันศุกร์ โดยเขาระบุย้ำว่า เฟดจะใช้เครื่องมือต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19