สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ กรมภาษี ต้องมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ด้วยการชะลอและลด การจัดเก็บภาษีบางส่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบและช่วยให้ประชาชนยังมีเงินสดในมือ รองรับกับรายได้ที่หายไปจากการหยุดงาน หลังประเทศมีมาตรการล็อกดาวน์ออกมา ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ 7 เดือนแรกของ กรมสรรพากร ต่ำเป้า 70,000 ล้านบาท ขณะที่ กรมสรรพสามิต หายไปหลักหมื่นล้าน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ภายในสัปดาห์นี้ สศค.จะรายงานตัวเลข ผลการจัดเก็บรายได้ ของ 3กรมภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และ กรมศุลกากร ให้กับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับทราบ ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
ทั้งนี้หลังจากได้รับตัวเลขจากทั้ง 3กรมภาษี ไปเมื่อวัน 22 พ.ค.2563 ที่ผ่านมา ยอมรับว่า ตัวเลขรายได้ของทุกกรมปรับตัวลดลงกว่าประมาณการทั้งหมด จากผลกระทบจาก โควิด-19 แต่จะไม่ปรับประมาณการจัดเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณ 2563 ของกรมภาษีลง เพราะเป็นการตั้งไว้เป็นเป้าหมายให้ทำให้ได้เท่านั้น
“เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด เป็นเหตุให้เข้าใจได้ว่าไม่สามารถจัดเก็บได้ตามเป้าประมาณการ ก็ไม่เป็นอะไร เพราะการช่วยประชาชนสำคัญกว่า และที่ผ่านมาแต่ละกรมก็มีบทบาทตรงนี้เยอะมาก ฉะนั้นรายได้จะลดลงไม่ใช่เรื่องแปลก”นายลวรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายได้ในเร็วๆ นี้ การจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรมก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ รายได้จากการจัดเก็บภาษีก็จะกลับมาสูงขึ้น ฉะนั้นจึงเชื่อว่าในปีงบประมาณ 2564 จะปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน ตามภาวะเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวขึ้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดี กรมสรรพากร กล่าวยอมรับว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลออกไปถึงเดือนส.ค.นี้ และการเร่งรัดการคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เร็วขึ้น รวมไปถึงการลดภาษีหัก ณ ที่จ่ายจาก 3% เหลือ 1.5% ทำให้รายได้ของกรมหายไป
ทั้งนี้จากตัวเลขดังกล่าวทำให้กรมคาดการณ์ว่าปีงบประมาณ 2563 นี้กรมจะจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท แน่นอน แต่จะลดลงมากน้อยเพียงใด ต้องรอดูการยื่นแบบแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วงเดือนส.ค.นี้ก่อนว่าเป็นอย่างไรด้วย
ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดี กรมสรรพสามิต กล่าวว่า แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของ กรมสรรพสามิต ปีนี้จะลดลงเป็นหลักหมื่นล้านบาท จากการขยายเวลาการยื่นเสียภาษีให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปถึง 15 ก.ค.2563 ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ธุรกิจหลายประเภทได้รับผลกระทบ จึงมีผลโดยตรงต่อการจัดเก็บรายได้ ส่วนทั้งปีนี้จะเก็บภาษีได้ถึงเป้าหมาย 6.4 แสนล้านบาทหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ แต่พยายามทำให้ได้มากที่สุด
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า ปี 2563 คลังตั้งเป้าหมายเก็บรายได้ 3 กรมภาษีไว้สูงถึง 2.87 ล้านล้านบาท แต่ปรากฏว่า ครึ่งปีแรกทำได้เพียง 1.16 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายกว่า 2 แสนล้านบาท โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้ 805,386 ล้านบาทจากเป้าหมายทั้งปี 2.11 ล้านล้านบาท
กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ 308,682 ล้านบาทจากเป้าหมายทั้งปี 6.4 แสนล้านบาท และกรมศุลกากรจัดเก็บได้ 50,662 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1.11 แสนล้านบาท ซึ่งการเก็บภาษีที่ลดลงจะส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณ และการขาดดุลงบในปี 2564