รัฐบาลเดินหน้าเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านโครงการ เราไม่ทิ้งกัน ล่าสุด ณ 21 พฤษภาคม 2563 โอนเงินเยียวยาแล้ว 14.2 ล้านคน คิดเป็น 99% ส่วน 7 แสนราย จะโอนเงินให้หมดในสัปดาห์นี้ และอีก 1 แสน ที่มีปัญหาเลขบัญชีให้แก้ไข เพื่อโอนเงินในสิ้นเดือนนี้ ขณะที่เงินเยียวยาเกษตรกร ธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ได้รายชื่อจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว 6.7 ล้านราย ณ วันที่ 26 พ.ค. 2563 โอนเงินแล้ว 4.7 ล้านราย ส่วน 2 ล้านราย เตรียมโอนภายใน 28 พ.ค. นี้ และอีก 1,657 ราย โอนเงินไม่สำเร็จ โดยกระทรวงเกษตรฯอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลส่งให้ธ.ก.ส.ในสัปดาห์นี้
ล่าสุดเมื่อ 26 พ.ค.ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติ “เยียวยากลุ่มเปราะบาง” ที่ไม่มีสิทธิได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆ ทั้งเราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร จำนวน 13 ล้านคน ใน 3 กลุ่มคือ 1.เด็กแรกเกิดถึง 6 ปีที่มีฐานะยากจน 1.4 ล้านคน 2 ผู้สูงอายุ 9.66 ล้านคน และ 3.ผู้พิการ 2 ล้านคน
โดยการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางจะให้รายละ 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มจากเงินอุดหนุนเดิมที่จ่ายอยู่แล้วเป็นเวลา 3 เดือนคือ พ.ค.-ก.ค.โดยจะเริ่มจ่าย มิ.ย.ซึ่งจะทบเดือนพ.ค.ด้วย ทำให้จะได้ 2,000 บาท และอีก 1,000 บาทในเดือนก.ค. ภายใต้วงเงินรวม 3.9 หมื่นล้านบาท จากพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
นอกจากความช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว สถาบันการเงินรัฐเอง มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินผ่านการให้สินเชื่อ รวมไปถึงการพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยมาโดยตลอด ซึ่งนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 มีประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนรวมเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 4.65 ล้านล้านบาท
จำแนกรายธนาคารคือ ธ.ก.ส.ให้ความช่วยเหลือแล้ว 2,946,807 ล้านบาท และยังเตรียมออกสินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพ วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาทวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท และ สินเชื่อระยะสั้นฤดูการผลิตใหม่ วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
ตามด้วยธนาคารออมสิน ให้ความช่วยเหลือแล้ว 1,241,769.5 ล้านบาท และจะช่วยฟื้นฟูรายได้ด้วยการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่า ผ่อนชำระนานใน 4 ประเภทรวม 40,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อประเภทละ 10,000 ล้านบาท คือ สินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ สินเชื่อก่อร่างสร้างตัวใหม่ สินเชื่อคลายกังวล และสินเชื่อ ซอฟต์โลนเยียวยาผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกและธุรกิจท่องเที่ยว
ด้านธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) ช่วยเหลือลูกหนี้บ้าน รวม 443,220 ล้านบาท และเตรียมอีก 20,000 ล้านบาท สำหรับคนในครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ ดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า มาตรการทางการเงินที่ออกมาเดิมและที่ออกใหม่รวมกว่า 2.3 แสนล้านบาท จะมีส่วนพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ในภาวะวิกฤติที่ทุกประเทศได้รับผลกระทบ ซึ่งกระทรวงการคลังพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากนี้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นต่างๆหากสถานการณ์ของโควิด-19 คลี่คลายลง โดยเฉพาะมีการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว สศค.ก็พร้อมที่จะเสนอมาตรการเหล่านี้ให้กับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาทันที
อย่างไรก็ตาม การจะใช้มาตรการใดในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะต้องคำนึงถึงสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ด้วยว่ามีความพร้อมรับต่อมาตรการมากน้อยเพียงใดโดยสศค.จะประเมินสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,578 วันที่ 28 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563