ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 529.95 จุด หรือ +2.17% ยืนที่ 24,995.11 จุด ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 36.32 จุด หรือ +1.23% ปิดที่ 2,991.77 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้น 15.63 จุด หรือ +0.17% ปิดที่ 9,340.22 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นทดสอบระดับ 25,000 จุดในระหว่างวัน หลังจากโนวาแวกซ์ (Novavax) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทได้เริ่มทำการทดลองทางคลินิกเฟสแรกในการใช้วัคซีน NVX-CoV2373 เพื่อต้านไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถทราบผลเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (immunogenicity) จากการทดลองดังกล่าวในเดือนก.ค.นี้
ทางด้าน Merck ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทจะร่วมมือกับ IAVI ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยจะใช้เทคโนโลยี rVSV ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการผลิตวัคซีนด้านไวรัส Ebola Zaire
โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นโนวาแวกซ์ ทะยานขึ้น 4.47% หุ้น Merck พุ่งขึ้น 1.14%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดห้างสรรพสินค้าและธุรกิจบางส่วนในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ตามมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่สอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะทางสังคมให้เร็วขึ้น 1 สัปดาห์ จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 5 ก.ค. มาเป็นวันที่ 29 มิ.ย. และตั้งเป้าจะยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปยัง 31 ประเทศในยุโรปในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้