คลัง ไฟเขียวยกเว้นภาษีนำเข้ายา-อุปกรณ์ทางการแพทย์ 66 รายการ

10 เม.ย. 2563 | 06:28 น.

“ก.คลัง” เตรียมประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ 66 รายการ มอบด่านศุลกากรทั้งทางบก น้ำ อากาศ ทั่วประเทศเพิ่มความคล่องตัวในขั้นตอนการทำงาน มีผลบังคับใช้แล้ว เร่งช่วยเหลือระบบสาธารณสุขของไทยในการรักษาและป้องกันโควิด -19 

 

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เตรียมออกประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษาวินิจฉัย หรือป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid 19) ตามมติคณะรัฐมนตรี ในการนำเข้าเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งสิ้น 66 รายการ เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการรักษาผู้ป่วยในสถานพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ ให้เพียงพอ

 

โดยมอบหมายให้กรมศุลกากรออกประกาศกระทรวงการคลังลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตร 12 ในพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน กันยายน 2563  

 

ทั้งนี้ เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษีในการนำเข้าสินค้า ประกอบด้วย กลุ่มยาสำเร็จรูป จำนวน 18 รายการ อาทิ ยาฟาวิพิราเวีย ยาฉีดปราศจากเชื้อชนิดต่างๆ กลุ่มเภสัชเคมีภัณฑ์ จำนวน 8 รายการ อาทิ ยาpremix สูตรผสม (Lopinavir+ritonavir) 

คลัง ไฟเขียวยกเว้นภาษีนำเข้ายา-อุปกรณ์ทางการแพทย์ 66 รายการ

กลุ่มเครื่องมือแพทย์ จำนวน 36 รายการ อาทิ น้ำยาตรวจวินิจฉัยโควิด-19 หน้ากากชนิด N 95 หรือสูงกว่า และเสื้อกาวน์ผ่าตัด แว่นตานิรภัย ชุดเครื่องช่วยหายใจชนิดต่างๆ PAPR หน้ากากที่ทำให้อากาศสะอาดชนิดที่มีพลังงานและช่วยเป่าอากาศเข้าในหน้ากาก  และกลุ่มรายการวัตถุอันตราย ประเภทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค จำนวน 4 รายการ อาทิ Sodium Hypochlorite ไม่ต่ำกว่า 0.5% และHydrogen peroxide ไม่ต่ำกว่า 0.5% 

 

คลัง ไฟเขียวยกเว้นภาษีนำเข้ายา-อุปกรณ์ทางการแพทย์ 66 รายการ

 

"เรายังได้มอบหมายให้กรมศุลกากร เร่งดำเนินการเป็นให้ไปตามระเบียบของประกาศดังกล่าวในการยกเว้นอากรนำเข้าสินค้าสำหรับประเภทสินค้าที่ประกาศทั้งหมด เพื่อให้การปฏิบัติงานในด่านศุลกากรทั่วประเทศที่มีอยู่ทั้งทางเรือ ทางบกและทางอากาศ สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการนำเข้าสินค้าเวชภัณฑ์ในการนำมาใช้ป้องกันและรักษาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของภาคประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ "