แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันพรุ่งนี้(7เม.ย.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงบประมาณ จะเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 3 ให้ที่ประชุมพิจารณา เบื้องต้นจะมีวงเงินประมาณ 1.86 ล้านล้านบาท ครอบคลุมการแไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ ทั้งในส่วนของภาคประชาชน ภาคการผลิต และภาคการเงิน
สำหรับวงเงินที่จะใช้ในการแก้ไขและบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโควิดครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย
1.การออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)กู้เงินโดยกระทรวงการคลังวงเงิน 9 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการดูแลโครงสร้างเศรษฐกิจสังคม ผู้ประกอบการ เกษตรกร ลูกจ้างทั้งในและนอกระบบประกันสังคม รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่นการจ้างงานระสั้นทั่วประเทศ การเสริมสร้างอาชีพโอกาสทักษะใหม่ๆให้ประชาชนในชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและเศรษฐกิจในประเทศ รวมไปถึงการลงทุนเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมในพื้นที่ทั่วประเทศ
2.การดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยธปท.จะออกพ.ร.ก.จัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนขึ้นมา 1 กองทุน วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อให้ธปท.เข้าไปซื้อตราสารหนี้ได้โดยตรงผ่านกองทุนนี้ หากมีผลขาดทุนเกิดขึ้นรัฐบาลจะเข้ามาช่วยชดเชยความเสียหาย ส่วนตราสารหนี้ที่ธปท.จะเข้าไปซื้อจะต้องระดมทุนจากตลาดเอกชนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และเป็นตราสารหนี้ที่มีเคดิตเรทติ้งไม่น้อยกว่า investment grade ขึ้นไป
3. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด ในรูปแบบโครงการเงินกู้แบบผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ หรือซอฟท์โลน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะตั้งวงเงินสนับสนุนเพิ่มเติมให้สถาบันการเงินอีก 5 แสนล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือภาคธุรกิจ และลูกหนี้ของธนาคารในกลุ่มต่างๆที่ได้รับผลกระทบ
และ 4.สำนักงบประมาณ จะเสนอการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของแต่ละกระทรวงลง 10% วงเงินประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท
ส่วนมาตรการอื่นๆที่น่าสนใจคือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการจ้างงานระยะสั้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานจากไวรัสโควิด-19
เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ ว่ามาตรการชุดที่ 3 ที่จะออกมาจะเป็นกลุ่มกิจกรรม 3 กลุ่มใหญ่คือ 1. กลุ่มมาตรการเยียวยาภาคประชาชน และภาคธุรกิจในส่วนที่ยังขาดอยู่ในครอบคลุมครบถ้วน 2.มาตรการดูแลให้มีกิจกรรมเศรษฐกิจที่ทุกอย่างติดขัด ไม่ให้เศรษฐกิจหยัดชะงักในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า และ3.มาตรการดูแลภาคเศรษฐกิจการเงิน โดยวงเงินที่จะใช้ทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) อาจจะมากกว่านั้นหรือน้อยกว่านั้นก็ไม่มาก