ผู้สื่อข่าวรายงานว่าไตรมาสแรกปี 2563 ดัชนี SET ปรับตัวลดลงมาถึง 28.74% หรือลดลง 453.98 จุด มาปิดที่ 1,125.86 จุด ณวันที่ 31 มีนาคม 2563 จากสิ้นปี 2562 ที่ปิดระดับ 1,087.82 จุด ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม ( Market Cap.)ของ SET และ mai รวมกัน ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 12.26 ล้านล้านบาท ลดลงถึง 4.44 ล้านล้านบาท จากสิ้นปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 16.7 ล้านล้านบาท หรือลดลง 26.59%
ต้นปีเป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 115,354.91 ล้านบาท เฉพาะเดือนมีนาคม 2563 เดือนเดียวขายสุทธิ 78,403.64 ล้านบาท ซึ่งเป็นการไหลออก 3 ปีต่อเนื่อง นับจากปี 2561ที่ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 2.87 แสนล้านบาท ,ปี 2562 ขายสุทธิ 45,245 ล้านบาท และยังเป็นการขายในตลาดตราสารหนี้ไทยไตรมาสแรกปี 63 สุทธิร่วม 1 แสนล้านบาท
การเคลื่อนไหวของดัชนี พบว่าหุ้น 3 กลุ่มหลัก ที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดคือกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ กลุ่มทรัพยากร ลดลง 40.04%, 39.23% และ 34.28% ตามลำดับ และหากพิจารณาหมวดของหลักทรัพย์ที่ลดลงมากสุด ได้แก่ หมวดปิโตรเคมี ลดลง 46% หมวดสื่อ ลดลง 44.13% และหมวดธนาคารพาณิชย์ ลดลง 41.78% ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดลบน้อยที่สุดคือ กลุ่มเทคโนโลยี ติดลบ 17.77%
ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทย คือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ที่ยกระดับและเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ณ วันที่1เม.ย.63 มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก พุ่งขึ้นถึง 856,955 ราย และผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสูงถึง 42,081 ราย
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มจำกัดมากขึ้น โดย SET ปรับตัวลง 3.64% หลังได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกอัดฉีดเงิน อาทิสหรัฐฯเตรียมวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด และการผลักดันกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว(SSF)"เพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน " ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) รวม 15 แห่ง พร้อมจะนำ 20 กองทุน เสนอขายในวันที่ 1 เม.ย.นี้
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(AIMC) ประมาณว่าในไตรมาส 2 หรือช่วง 3 เดือนจากนี้ น่าจะมเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านกองทุน SSF ราว 6 หมื่นล้านบาท