ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,917.16 จุด ร่วงลง 410.32 จุด หรือ -1.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.59 จุด ลดลง 42.06 จุด หรือ -1.60% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,700.10 จุด ลดลง 74.05 จุด หรือ -0.95% ขณะที่ตลอดทั้งไตรมาส 1/2563 ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลง 23.2% ทำสถิติดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลง 20% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 14.2%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐและยุโรปที่พบการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จนทำให้ทางรัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีนและสหรัฐ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 52 จากระดับ 35.7 ในเดือนก.พ.โดยดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัวได้ดี
ทางด้านผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ระดับ 120.0 ในเดือนมี.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลงจากระดับ 132.6 ในเดือนก.พ. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 110.0
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ดิ่งลง 7.03% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 5.18% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นเชฟรอน บวก 0.7%