ดาวโจนส์ดิ่งเหว 1,190 จุด วิตกไวรัสโคโรนาลามทั่วโลก 

27 ก.พ. 2563 | 23:56 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงหลุดระดับ 26,000 จุดเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งทะลุแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 3,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างของไวรัสโควิด-19 หลังล่าสุดสหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายแรกที่ไม่ทราบต้นตอของการติดเชื้อ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการแพร่ระบาดในชุมชนเป็นครั้งแรกในสหรัฐ 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,766.64 จุด ร่วงลง 1,190.95 จุด หรือ -4.42%  ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,978.76 จุด ลดลง 137.63 จุด หรือ -4.42%  ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,566.48 จุด ลดลง 414.29 จุด หรือ -4.61%

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกที่ไม่ทราบต้นตอของการติดเชื้อ ผู้ป่วยรายนี้มาจากเขตโซลาโนของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่มีประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงและไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ 

รายงานดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนักในตลาด แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเชื่อมั่นในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า ความเสี่ยงของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมากและเชื่อว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในสหรัฐก็ตาม

นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นในอีกหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงเกาหลีใต้ที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,595 ราย จนส่งผลให้แบงก์ชาติเกาหลีใต้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงเหลือ 2.1% ขณะที่อิตาลีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 14 รายและผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นแตะ 528 ราย ส่วนอิหร่านเผยยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 245 รายและยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 26 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตสูงที่สุดนอกประเทศจีน

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ ยูเค กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนประเทศที่มีรายงานการติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวอาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และมาตรการห้ามเข้าประเทศที่รัฐบาลหลายแห่งประกาศใช้นั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจด้วย