NER ประกาศปันผล 0.14 บาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ 5 : 1

26 ก.พ. 2563 | 10:34 น.

NER ประกาศผลประกอบการปี 62 รายได้เพิ่ม 29.33% แตะ 13,005 ล้านบาท ดันกำไรสุทธิโตต่อเนื่อง 10.78% แตะ 538.88 ล้านบาท รับอานิสงค์ลูกค้าจีนย้ายฐานการผลิต -สิงคโปร์ทำสัญญา Long Term เพิ่ม ประกาศจ่ายเงินปันผล 14 สตางค์/หุ้น พร้อมแจกวอร์แรนต์ NER-W1 อัตรา 5 : 1 ราคา 1.80 บาท/หุ้น

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ NER เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯมีรายได้จากจากการขายรวม 13,005.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.33% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 10,056.20 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายในประเทศ 27.02% ตามปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตของลูกค้าจีน และรายได้จากการขายต่างประเทศเติบโตขึ้น 33.83% แตะ 4,561.72 ล้านบาท เนื่องจากการทำสัญญาระยะยาว (Long Term Contact)กับลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปี 2561 โดยเฉพาะลูกค้ารายใหม่จากสิงคโปร์ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์ยางผสมอัดแท่ง (RSS-CPR) ซึ่งเริ่มมียอดขายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562  

NER ประกาศปันผล 0.14 บาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ 5 : 1

สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,119.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.66% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 1,039.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 538.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.78% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 486.46 ล้านบาท 

ล่าสุดคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด)มีมติจ่ายเงินปันผล 14 สตางค์ต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 42.12% ของกำไรสุทธิ ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (Record date) วันที่ 30 เมษายน 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 พร้อมกับมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (วอร์แรนต์) ครั้งที่ 1 (NER-W1) จำนวนไม่เกิน 308,000,000 หน่วย แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น อัตราส่วน 5 ต่อ 1 ราคา 1.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (Record date) วันที่ 30 เมษายน 2563 และกำหนดจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้จากการขายรวมเติบโตแตะ 21,000 ล้านบาท ตามปริมาณความต้องการของตลาดโลก ซึ่งขณะนี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าและมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2 จะเปิดทำการโรงงานแห่งใหม่ กำลังการผลิต 1.76 แสนตัน พร้อมเดินหน้าขยายโรงไฟฟ้าชีวภาพ โดยในช่วงไตรมาส 3 จะเริ่มขายไฟเฟสแรกจำนวน 4.3 เมกกะวัตต์ (MW) ให้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ควบคู่ไปกับการทำตลาดแผ่นปูรองนอนสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตขึ้นตามแผน